ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.41/58 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก หลังตลาดต่างประเทศทั้งสหรัฐและยุโรปปรับลดลงต่อเนื่อง แนะซื้อเล่นสั้นหรือรอ หุ้นเด่นเลือก BSM-AAV-SVI-BTS-SIRI-SAMART-KAMART-AIT-TASCO-MIDA และ AQUA


นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เปิดเผยว่า ตั้งเป้าผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรในปี 57 จะเติบโตจากปี 56 ประมาณ 10% ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ปลายปีนี้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

โดยรายได้ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 600 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนทำรายได้ประมาณ 550 ล้านบาท ส่วนตัวเลขกำไรน่าจะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนมากกว่ารายได้ และถ้ามองถึงตัวเลขกำไรปี 56 อยู่ในระดับ 29 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 57 มีกำไรทั้งสิ้น 13 ล้านบาท มีความเป็นไปได้ที่ผลงานในปี 57 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะในช่วงปลายปียอดขายมักเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายตลาดเพิ่มในส่วนของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม สถาบันการศึกษาต่างๆ รวมไปถึงศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นอีกแรงส่งที่ส่งผลดีโดยตรงต่อยอดขาย ประกอบกับในปีหน้าเตรียมที่จะออกสินค้าใหม่ 2-3 ผลิตภัณฑ์คือ ระบบผนังสำเร็จรูป สำหรับสถาบันการศึกษา ศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาล รวมทั้งประตูบานเลื่อน สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม หรือแม้กระทั้งฝ้าเพดานที่จะส่งออกสู่ตลาดในปีหน้า น่าจะเป็นผลดีกับผลการดำเนินงาน

โดยสินค้าเหล่านี้ล้วนถูกบุ๊คต้นทุนทั้งหมดไว้ในปี 57 จึงมั่นใจว่า ในปี 58 อัตราการเติบโตของรายได้จะเพิ่มเป็น 20% ซึ่งจะทำให้รายได้ในปีดังกล่าวขึ้นไปแตะระดับ 720 ล้านบาท และในปี 59 อันตราการเติบโตของรายได้จะทะยานขึ้นไปถึง 30% โดยจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทเฉียดในระดับ 1,000 ล้านบาท และที่สำคัญบริษัทมีการคบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ก็น่าจะทำให้อัตราการทำกำไรมีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีกขั้น

ในขณะที่นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า BSM เป็นหุ้นที่อยู่ในข่าย growth stocks จึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้ขึ้นไปอีก เพราะมองในแง่ของความสามารถในการกำไรที่ดีขึ้น กำไรปีนี้น่าจะอยู่แถวๆ 40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ที่ระดับ 0.04 บาท เมื่อเทียบกับ P/E ที่ระดับ 20 เท่า ราคาหุ้นจะอยู่ที่ระดับ 0.80 บาท ขณะที่ในปี 58 ราคาหุ้นจะขยับขึ้นในอัตราที่เร่งเป็นเท่าตัว หลังจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเด่นชัดขึ้น



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET คาด SET INDEX เปิดย่อตัวลงทดสอบ 1,535-1,540 จุด ด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่เป็นลบ จากความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป อย่างไรก็ตาม downside risk ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 วันนี้ยังคงจำกัด จากแรงขายหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารชะลอตัว เพื่อรอดูผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 ที่จะทยอยประกาศมากขึ้นในวันพรุ่งนี้ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว / สายการบินต้นทุนต่ำ จะยังมีความโดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของครม. และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับต่ำ

สำหรับรายงาน Beige Book พบว่าเศรษฐกิจโดยรวมเติบโตปานกลางถึงดีเล็กน้อย ทั้งในแง่ของภาคการใช้จ่าย, การจ้างงาน และการก่อสร้าง แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเห็นของประธานเฟดในการหารือนอกรอบกับนักการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มั่นใจต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีความเสี่ยงมากขึ้นก็ตาม

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ยังคงแนะนำให้เป็น “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย และลงแรงซื้อ” หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” AAV / SVI



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก หลังตลาดหุ้น Europe และ Dow Jones ปรับลดลงต่อเนื่องจากความกังวลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยประเมินแนวรับ 1,540 +/- จุดเป็นแนวรับแรก และถัดไปที่ 1,527 จุด

พอร์ตหลักแนะนำ Wait & See หรือ “รอซื้อ” กลุ่มหุ้น Domestic Plays จนกว่าจะมีสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค ซึ่งจะมีสัญญาณยืนยันก็ต่อเมื่อ 1) SET สามารถยืนได้เหนือแนวต้าน 1,565 จุด และ 2) ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท...

นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ” BTS และ SIRI ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 11.50 บาท และ 2.40 บาท โดยการจัดตั้งธุรกิจอสังหาฯ ร่วมกัน 50:50 เพื่อลงทุนโครงการคอนโดฯ บริเวณ BTS จตุจักร มูลค่า 5.3 พันล้าน เป็น Win-Win Strategy ขณะที่กำไรไตรมาส 3/14 คาดว่าจะอยู่ที่ 650-700 ล้านบาทเติบโตจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อน



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้แกว่งลงตามแรงกดดันภายนอก ซื้อเล่นสั้น // หรือรอ

KGI มอง SET วันพฤหัสฯ ลงก่อนรีบาวด์ แนะซื้อเก็งช่วงย่อ คาดต่างชาติขายต่อเพราะกังวลเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก ก.ย. ต่ำกว่าคาด และหุ้นยุโรปลงหนักหลังตลาดเงินตลาดทุนของกรีซปั่นป่วน (ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของกรีซพุ่งขึ้น 0.98% สัปดาห์นี้) และนักลงทุนกังวลต่อความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการซื้อพันธบัตรของยุโรปในระยะถัดไป หลังศาลยุโรปเริ่มพิจารณาข้อกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวตามที่เยอรมันเสนอมา อย่างไรก็ดีแรงซื้อจากฝั่งในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี จึงแนะนำซื้อช่วงย่อลุ้นรีบาวด์ // หรือรอดูสถานการณ์ก่อน

หุ้นเด่นวันนี้ ตาม ซื้อ SAMART/เก็งกำไร KAMART



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ตลาดอยู่ในภาวะที่ไม่มีปัจจัยบวกหนุน ขณะที่ค่า Current PER ยังอยู่ที่สูงถึง 16 เท่า ทำให้โอกาสในการปรับฐานยังเกิดขึ้นต่อ เฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ซึ่งถูกกดดันด้วยการปรับตัวลดลงแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังให้อยู่ในตัวเลือกที่ปลอดภัย AIT (FV@B 51) และ TASCO (FV@B 63.25)



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ที่บวกเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านมุมมองตลาดโดยเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,552 จุด และเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ที่ 1,570 จุด ขณะที่ MACD ยังคงปรับลงต่ำกว่า signal line และยังอยู่แนวลบ เรายังมองเป็นทิศทางแนวโน้มลงเข้าทดสอบแนวรับที่ 1,530 จุด ในระยะใกล้นี้เช่นเดิม

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,530-1,552 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร MIDA และ AQUA