March 29, 2024   7:49:26 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ดัชนี Sideway เน้นเก็บ 13 หุ้นเด่นเก็งรายตัว-มีประเด็น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 16/10/2014 @ 08:25:24
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.52/32.56 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนทั้งนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวในช่วงเช้าวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนก.ย.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจคาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1,540-1,560 จุด สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นรายตัวมีประเด็น ได้แก่ MLINK, KCE, AAV, NOK, AIT, TASCO, TUF, CPF, GFPT, MINT, CENTEL, KTB และ ADVANC

แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทางการเงินรายหนึ่งกล่าวว่า บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLINK กำลังจะกลายเป็นหุ้น growth stock ต่อเนื่องอย่างน้อยไปอีก 1 ปี หลังธุรกิจเกมส์ออนไลน์เริ่มทำเงินให้กับตัวบริษัทอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตอนนี้ได้ผ่านจุดคุ้มทุนในการลงทุนเป็นที่เรียบร้อย จึงสามารถรับรู้รายได้ และกำไรเข้ามาในบริษัทอย่างเต็มที่

โดยบริษัทได้เตรียมเปิดตัวเกมออนไลน์ใหม่เพิ่มอีก 7 เกม ซึ่งเป็นเกมที่รองรับทั้งในโทรศัพท์มือถือ (Mobile) และเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) ซึ่งประเมินตัวเลขรายได้คร่าวๆ ในส่วนนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมตัวบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และถ้ามองถึงอัตราการเติบโตของธุรกิจดังกล่าวในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ธุรกิจเกมออนไลน์จะเป็นธุรกิจที่ทำเงินเป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อนำธุรกิจของบริษัทในภาคส่วนต่างๆ มาประกอบกันจะเห็นว่า ธุรกิจดังกล่าวเริ่มกลับมาทำเงินอีกครั้ง และธุรกิจตัวไหนที่มีปัญหา ก็ทำการตัดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น และยังมั่นใจได้ว่า ตัวเลขกำไรจะเริ่มปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นที่มาของการคงเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20%

ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ MLINK กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการปรับเป้าหมายราคาขึ้นไปแถวๆ 6-8 บาท หากตัวเลขกำไรในปี 58 ทำได้ในระดับ 150 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะขึ้นมาอยู่ในระดับ 0.35 บาท และเมื่อคิดภายใต้สมมุติฐาน P/E ที่ระดับ 20-22 เท่า ราคาหุ้นขั้นต่ำก็จะอยู่ในระดับ 7 บาท



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1,540-1,560 จุด ซึ่งเป็นการพักฐานต่อเนื่องหลังปรับสูงขึ้นแรงตั้งแต่ พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่อย่าง PTT PTTEP PTTGC TOP มีแนวโน้มถูกดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรง และผลการดำเนินงาน 3Q14 ที่คาดว่าจะออกมาไม่ดีนัก ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นสายการบิน

พอร์ตหลักยังแนะนำ “Wait & See” ด้วยสัดส่วนหุ้น 70-80% ของพอร์ต โดยจะซื้อหุ้นกลับก็ต่อเมื่อ SET สามารถยืนได้เหนือ 1,565 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ระยะสั้นแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มอาหารที่คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q14 ออกมาดีอย่าง TUF CPF GFPT รวมไปถึง “เก็งกำไร” กลุ่มสายการบิน อย่าง AAV (ต้าน 4.48) ที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันปรับลดลง และกลุ่มโรงแรม MINT CENTEL หลัง ครม.อนุมัติค่าลดหย่อน 15000 บาท/ปี



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET คาด SET INDEX แกว่งขึ้นทดสอบ 1,555 – 1,560 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุนยังคงเก็งกำไรเป็นรายหลักทรัพย์ หรือ รายกลุ่มที่มีประเด็น ได้แก่

กลุ่มธนาคารแนวโน้มทรงตัวดี เมื่อ TISCO / TMB รายงานงบออกมาเท่ากับถึงดีกว่าคาด คาดนักลงทุนถือรอดูผลการดำเนินงานหรือเข้าเก็งกำไรเป็นรายตัว KBANK / KTB คาดงบ 3Q57 เติบโต yoy และ qoq เด่น

กลุ่มพลังงานแนวโน้มทยอยสะสมจาก Valuation ที่ถูกเมื่อเทียบกับกลุ่มหลักอื่นๆ

กลุ่มพลังงานทางเลือก เด่น หลัง กพช.อนุมัติโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อีก 27 โครงการ รวม 202.09 MW

กลุ่มท่องเที่ยว หลัง ครม.อนุมัติให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจนถึง 31 ธ.ค. 2558 จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นบวกต่อกลุ่มโรงแรม / สายการบินต้นทุนต่ำ / สนามบิน

ขณะที่ปัจจัยภายนอกขาดความโดดเด่น คาดนักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูรายงาน Beige Book ของเฟดคืนนี้ เพื่อประเมินความเห็นของเฟดในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมนัดนี้

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ เรายังคงแนะนำให้เป็น “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย และลงแรงซื้อ” หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” AAV / KTB



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ว่า ภาพรวมผลประกอบการ 3Q57 ดูไม่โดดเด่น ขณะที่กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี มีความเสี่ยงเรื่อง Stock Loss ซึ่งจะนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนลงประมาณ 2.45บาท/หุ้นในปี 2557 ยังให้อยู่ในตัวเลือกที่ปลอดภัย AIT(FV@B 51) และ TASCO (FV@B 63.25) เป็น Top Picks เช่นเดิม



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ว่า ปรับขึ้นกรอบจำกัด

KGI มอง SET วันพุธทรงตัวหรือบวกแคบๆ คล้ายวานนี้ คาดหุ้นเอเชียและ SET เข้าสู่ช่วงแกว่งหลังลงแรง ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่เป็นกลาง เศรษฐกิจยุโรปดูแย่ลงเป็นลำดับแต่ก็อยู่ในความรับรู้ของนักลงทุนมากขึ้นแล้ว โดยผลผลิตอุตสาหกรรมยูโรโซนลงหนัก 1.8% MoM ใน ส.ค. และเยอรมันปรับลด GDP ปี 2557 จาก 1.8% สู่ 1.2% และปี 2558 จาก 2.0% สู่ 1.3% ด้านราคาน้ำมันลงหนักสู่จุดต่ำสุดใหม่รอบ 4 ปี หลังสำนักงานพลังงานสากลปรับลดอุปสงค์น้ำมันตามเศรษฐกิจชะลอ ด้านปัจจัยภายในพบว่าเริ่มมีแรงซื้อจากกองทุนไทยสะสมหุ้นอีกครั้ง คาดช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงได้

หุ้นเด่นวันนี้ เน้นหุ้นงบไตรมาส 3/57 ดี เก็งกำไร KCE* / กลุ่มสายการบิน (AAV*, NOK*)



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาด : ราคาน้ำมันที่ลดลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน? เราคาดว่าตลาดยังคงปรับตัวผันผวน ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงถึง 4.5%ในวันเดียว จะกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มมีแนวโน้มทรงตัว รอดูปัจจัยชี้นำใหม่ๆ หลังจากก่อนหน้านี้มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป โดยตลาดยังคงจับตาดู ECB ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบาย QE ออกมาอีกหรือไม่? ในขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าหากวงเงิน QE ของสหรัฐฯ หมดลงในเดือนตุลาคม จะไม่มีปัจจัยมากระตุ้นการลงทุนในตลาด ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสอีโบลา ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มขนส่ง ในขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศอาจจะชะลอตัวลง

....ทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังคงรอดูแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการส่งออกยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ดังนั้นรัฐบาลจึงมุ่งเน้นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นหลักซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ในขณะที่คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นทีSผลการดำเนินงานในช่วง 3Q/57 อาจจะออกมาดี เริ่มโดยกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานในช่วง 3Q/57 ในสัปดาห์นี้

ประกอบกับการที่รัฐบาลและ คสช. ยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก และการแพร่กระจายของไวรัสอีโบลาและภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ซบเซามากกว่าคาด ส่งผลกระทบทำให้ฤดูท่องเที่ยวในช่วง 4Q/57 ที่เป็นไฮซีซั่นอาจเกิดภาวะซบเซา ในขณะที่ล่าสุดรัฐบาลมีนโยบายยกเว้นภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาในประเทศถึงสินปี 58 จะส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวไทยได้บ้าง

ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 84 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบทางลบต่อ PTTEP และหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, PTTGC, IRPC, BCP และ ESSO จะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากในช่วง 3Q/57 และอาจต่อเนื่องไปถึง 4Q/57

หุ้นแนะนำ : ADVANC

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com