March 28, 2024   11:34:28 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SET แกว่งลงสลับรีบาวด์แนะเก็บ 18 หุ้นงบฯ Q3 เด่น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 14/10/2014 @ 08:18:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.38/32.42 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะยังเป็นการแกว่งไร้ทิศทางที่ชัดเจน เพราะปัจจัยภายนอกการลงทุนที่ไม่เอื้อ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศขาดความโดดเด่น สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นกำไรไตรมาส 3/57 ออกมาโดดเด่น ได้แก่ ECF, LPN, KTB, AIT, KCE, BJCHI, STEC, KBANK, BBL, CK, SPALI, LPN, QH, SAMART, SAPPE, BEAUTY, TUF และ THREL

แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 57 ไว้ที่ระดับ 1,350 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกทำรายได้ทั้งสิ้น 650 ล้านบาท ขณะที่กำไรอยู่ในระดับ 36 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 56 ทั้งปีทำรายได้ทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท ตัวเลขกำไรอยู่ที่ระดับ 40 ล้านบาท ย่อมมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขรายได้ และกำไรจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับองค์ประกอบที่ทำให้เชื่อว่า ECF จะสามารถเบ่งตัวเลขรายได้ และกำไรเติบโตได้ตามแผนดังกล่าวมาจาก การคงนโยบายเชิงรุกในการทำธุรกิจที่หลากหลาย รวมทั้งการแตกไลน์ไปยังธุรกิจที่สร้างมาร์จิ้นสูงสุดให้กับบริษัท ตัวผู้บริหารถึงค่อนข้างมั่นใจว่า นับจากนี้อีก 3 ปี ตัวเลขรายได้จะเติบโตปีละ 15% ขณะที่ตัวเลขกำไรจะเติบโตในระดับ 50% เป็นอย่างต่ำ

โดยสิ่งที่สามารถจับต้องได้ ณ เวลานี้ คือ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ยังไปได้ดี ธุรกิจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์สินค้ายังคงขยายตัวตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งธุรกิจพลังงานที่เพิ่งลงทุนทำไปเมื่อไม่นานมานี้ ล้วนเป็นแรงหนุนที่ทำให้ตัวผู้บริหารมองตัวเลขในอีก 5 ปีข่างหน้าสามารถแตะระดับ 10,000 ล้านบาท ประกอบกับในปีหน้าจะมีการเปิด AEC อย่างเป็นทางการ เท่ากับเป็นการโอกาสในการทำธุรกิจของบริษัทเต็มๆ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้พันธมิตรที่เป็นคู่ค้าพยายามเร่งเซ็นสัญญาที่ตกค้างภายใน 1-2 เดือนนี้ และดูเหมือนสัญญาทางการค้าที่ยังไม่เซ็นเที่ยวนี้จะสำคัญกับพันธมิตรทางการค้ามากๆ เพราะมันหมายถึงการขยายตลาดใหม่ๆ จะทำได้สะดวกขึ้น ขณะที่ฝั่งของ ECF จะได้ประโยชน์จากการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าแต่เพียงผู้เดียวในภูมิภาคอาเซียน และจะเป็นตัวหนุนรายได้ที่สำคัญในปี 58

“แม้ในตอนนี้จะยังไม่มีการแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ในเดือนหน้าน่าจะมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผลของการเซ็นสัญญาเที่ยวนี้จะไปมีผลอย่างเป็นทางการจริงๆ ไตรมาสแรกของปี 58” แหล่งข่าวดังกล่าวย้ำถึงผลที่จะเกิดขึ้น



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ต.ค.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสัปดาห์ ยังอยู่ในแนวโน้ม “พักฐาน” ต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ และมาตรการ QE ของ Fed ที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค.นี้ ล่าสุดรัฐมนตรีคลังเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตาการ QE ของของ ECB โดยประเมินแนวรับทางเทคนิคที่ 1,540 +/- จุด เป็นแนวรับแรกที่คาดว่าจะยังทำงานได้ดี และแนวรับหลักที่ 1,500 +/- จุด ขณะที่คงมุมมองเชิงบวกต่อ SET ระยะกลาง-ยาว ต่อไปด้วยเป้าหมายปลายปี 2015 ที่ 1,750 จุด

พอร์ตหลัก แนะนำ “รอซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเมื่อมีสัญญาณกลับตัว KBANK BBL STEC CK SPALI (กำไร 3Q14 เติบโตเด่น 217% y-y) LPN QH SAMART SAPPE BEAUTY และ TUF นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” THREL ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 19.0 บาท กำไรเติบโตดี 15-16% จาก Market Share ที่เพิ่มขึ้น ประเมินแนวรับ 15.4-15.6 บาท



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ต.ค.) ว่า ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะยังเป็นการแกว่งไร้ทิศทางที่ชัดเจน เพราะปัจจัยภายนอกการลงทุนที่ไม่เอื้อ ความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอียูที่ส่งสัญญาณเสี่ยง ภายใต้ภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในปลายเดือนนี้เป็นสำคัญ แต่หากประเมินอีกด้านหนึ่ง เมื่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจในอียูเพิ่มขึ้น อาจกลายเป็นข้ออ้างที่เฟดจะใช้ประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เช่นกัน

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศขาดความโดดเด่น MBKET ให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มทยอยประกาศในปลายสัปดาห์นี้ หากออกมาเท่ากับหรือดีกว่าคาดจะกลายเป็นปัจจัยที่ผลักดัน SET INDEX ให้ฟื้นตัวได้

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ เรายังคงแนะนำให้เป็น “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย และลงแรงซื้อ” หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะ พร้อมติดตามการแกว่งตัวของ PTT / KBANK จะเป็นหุ้นหลักที่กำหนดทิศทาง SET INDEX ในภาพรวมช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” LPN/ KTB



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ต.ค.) ว่า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ยังมีน้ำหนักถ่วงสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท ทั้งหุ้นและน้ำมัน ทำให้ SET Indexยังอยู่ในช่วงปรับฐานต่อไป ยังเน้นกลยุทธ์เดิมคือ ถือเงินสด 70% และหุ้นเพียง 30% โดยเน้นหุ้นที่มีผลกำไรดี และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ AIT(FV@B 51) เป็น Top Pick เช่นเดิม



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ต.ค.) ว่า แกว่งตัวลง ซื้อเก็งสั้นๆ เล่นรอบ เช่นเดิม

KGI คาด SET วันจันทร์ปรับลงสลับรีบาวด์ในวัน ปัจจับลบ i) หุ้นยุโรปลงหนัก เฉลี่ย 2.2% หลัง รมว.คลังเยอรมันออกสื่อคัดค้าน QE ของยุโรป (เป็นไปตามนักเศรษฐศาสตร์เราคาด คือยุโรปขัดแย้งเชิงนโยบาย จึงแก้ปัญหาได้ยาก) ii) หุ้นเทคโนโลยีลงแรงหลังผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์อย่างMicrochip Technology เตือนอุตสาหกรรมอาจเข้าสู่ขาลง iii) สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้ออีโบลารายที่ 2 ทั้งนี้เม็ดเงินจากฝั่งสถาบันไทยจะช่วยลดทางลงของ SET ได้บ้าง แต่ภาพรวมตลาดหุ้นช่วงสั้นยังเป็นการแกว่งลง แนะนำซื้อเก็งกำไรเร็วตามแนวรับ เล่นเป็นรอบๆ ไปก่อน

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร KCE* / สะสม BJCHI



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาด : ยังถูกกดดันจากการลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ? เราคาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับลดลงตามต่างประเทศ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปต่างปรับตัวลงแรง จากความกังวลเกี่ยวกับการภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป หลังจากเยอรมันประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ออกมาแย่กว่าคาดติดต่อกัน โดยตลาดยังคงจับตาดู ECB ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบาย QE ออกมาอีกหรือไม่? ในขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าหากวงเงิน QE ของสหรัฐฯ หมดลงในเดือนตุลาคม จะไม่มีปัจจัยมากระตุ้นการลงทุนในตลาด

ทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังคงรอดูแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากน้อยแค่ไหน โดยล่าสุดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง พร้อมเดินหน้ารถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ระยะ 10 ปี วงเงินรวม 1.94 ล้านล้านบาท ซึงP จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

ประกอบกับการที่รัฐบาลและ คสช. ยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก และการแพร่กระจายของไวรัสอีโบลา เริ่มส่งผลกระทบอาจทำให้ฤดูท่องเที่ยวในช่วง 4Q/57 ที่เป็นไฮซีซั่นอาจเกิดภาวะซบเซากว่าปีทีผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58

ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบทางลบต่อ PTTEP และหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ทั้ง TOP, PTTGC, IRPC, BCP และ ESSO จะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากในช่วง 3Q/57

หุ้นแนะนำ : STEC

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com