กลุ่มลิสซิ่งฉายแววโดดเด่น รับผลดีรัฐออกนโยบายอัดฉีดเงินสู่รากหญ้ากว่า 1 แสนล้านบาท กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ แถมราคาหุ้นยังถูก พี/อีต่ำกว่ากลุ่มอื่น ธุรกิจกำลังเข้าสู่ไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 4 ด้านโบรกเกอร์ ยก GCAP- AEONTS- SINGER- KCAR และ THANI เป็น Top picks ด้านผู้บริหาร TK เชื่อมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและคนจน ช่วยกระตุ้นจิตวิทยาการบริโภคได้ในระยะสั้น แต่กำลังซื้อจะฟื้นตัวชัดเจนช่วง Q4/57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ(ลิสซิ่ง)ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นในช่วงนี้ โดยโบรกเกอร์ประเมินว่าน่าจะเป็นผลจากการที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกรณีที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าด้วยเม็ดเงินอัดฉีดกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้งและส่งผลดีต่อกลุ่มเช่าซื้อโดยตรง ขณะเดียวกันมองว่าราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ สวนทางกับแนวโน้มธุรกิจที่จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเช่าซื้อที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นวานนี้(22 ก.ย.)ประกอบด้วย THANI ปิดที่ระดับ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 4.81% ECL ปิดที่ระดับ 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.37 บาท หรือ 29.84% AMANAH ปิดที่ระดับ 1.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 16.67% TK ปิดที่ระดับ 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.96% เป็นต้น

***ASP ชี้กลุ่มเช่าซื้อฯรับอานิสงส์รัฐอัดฉีดเงินสู่รากหญ้า
บล.เอเซีย พลัส(ASP) ระบุว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศด้วยเม็ดเงินอัดฉีดกว่า 1 แสนล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2558 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.57 ผ่านหลากหลายมาตรการ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ผ่านมาตรการอุดหนุนด้านการเงินเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในเบื้องต้น มาตรการจะช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินไม่เกิน 20 ไร่ โดยลดค่าปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ส่วนกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยจะดำเนินการผ่านมาตรการทางด้านภาษี หรือที่เรียกว่า Negative Income Tax (NIT) ซึ่งจะเป็นการโอนเงินภาษีให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ภายใต้ชื่อโครงการ “เงินโอน แก้จน คนขยัน” โดยจะคืนภาษีให้กับผู้ที่มีอายุ 15-60 ปี ที่มีรายได้เริ่มต้นตั้งแต่ 1 บาทแรก ไปถึง 8 หมื่นบาท/ปี ซึ่งจะมีคนได้เงินต่ำสุดที่ 2 พันบาท และสูงสุดคือ 6 พันบาท คาดว่าจะมีผู้ได้รับคืนเงินภาษี 18 ล้านคน เป็นเงินงบประมาณปีละ 5.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า GCAP, TK, GL, SAWAD, SINGER และ AEONTS จะได้รับผลบวกสูงสุดจากมาตรการดังกล่าวของภาครัฐ โดยแบ่งการวิเคราะห์ดังนี้ 1) กลุ่มที่ได้รับผลบวกจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ประกอบด้วย GCAP, TK, GL, SAWAD และ SINGER โดยเฉพาะ GCAP (ปล่อยสินเชื่อรถจักรกลเกษตร) ซึ่งมีฐานลูกค้าเป็นเกษตรกรทั้งหมด ตามด้วย TK, GL (ปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์) รวมไปถึง SINGER (25% เป็นเกษตรกร) ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเกษตรกรเช่นกัน
ทั้งนี้ แม้เงินอัดฉีดแก่เกษตรกรจะไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่เป็นส่วนลดค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ซึ่งคิดเป็น 19% ของต้นทุนการเพาะปลูกรวม (อิงจากการเพาะปลูกข้าวนาปี/ไร่) ถือเป็นการช่วยเพิ่มกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความเชื่อมั่นต่อเกษตรกรในการเพาะปลูกต่อไปโดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวที่มีปัญหามากในขณะนี้ และ 2) กลุ่มที่ได้รับผลบวกจากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งฐานลูกค้าของทุกบริษัทที่กล่าวถึง จะได้รับผลบวกจากมาตรการนี้โดยเฉพาะ AEONTS ซึ่งก่อนหน้านี้ ฝ่ายวิจัยได้นำเสนอไปแล้วว่าจะได้รับผลบวกจากมาตรการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 8% เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่เป็นข้าราชการสัดส่วนถึง 20-30% ของลูกค้ารวม ขณะที่ SINGER มีฐานลูกค้าข้าราชการในสัดส่วน 5% ของลูกค้ารวม โดยฝ่ายวิจัยเลือกหุ้น GCAP (FV@6B), AEONTS (FV@121B), SINGER (FV@25B) และ KCAR (FV@13.62B) เป็น Top picks ของกลุ่มลีสซิ่งในช่วง 2H57 จากการเติบโตของกำไรโดดเด่นใน 2H57

*** เข้าสู่ฤดูกาลของสินเชื่อรายย่อยใน 2H57
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในกลุ่มลีสซิ่งทั้ง 12 แห่งที่ศึกษา (รวม GCAP, LIT ซึ่งอยู่ในตลาด MAI และ SINGER ที่อยู่ในกลุ่มพาณิชย์) คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้นจากช่วง 1H57 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลของการจับจ่ายใช้สอยซึ่งจะอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจล้วนเป็นไปในทิศทางที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 1H57 โดยสรุปภาพรวมทิศทางผลการดำเนินงาน 2H57 ดังนี้ 1) กลุ่มที่จะเห็นการเติบโตของธุรกิจที่โดดเด่นได้แก่ กลุ่มสินเชื่อรายย่อย (GCAP, AEONTS, SAWAD, SINGER)
2) กลุ่มที่ยังประคองผลการดำเนินงานได้ต่อเนื่องประกอบด้วยกลุ่มเช่าซื้อรถบรรทุก (ASK, THANI) เพราะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ รอแค่ปัจจัยบวกแรงๆ จากแนวโน้มการลงทุนใหญ่ของประเทศที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2558 เช่นเดียวกับกลุ่มแฟคตอริ่ง (IFS, LIT) ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยเช่นกันที่ผ่านมา 3) กลุ่มที่คาดว่าจะเห็นการ turnaround ของผลการดำเนินงานในช่วง 2H57 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจขายรถมือสอง ซึ่งได้แก่ KCAR (ทำธุรกิจให้เช่ารถยนต์แบบ operating lease ด้วย) โดยสัญญาณบวกเริ่มเห็นแล้วจากผลการดำเนินงาน 2Q57 ที่ผ่านมา และ 4) กลุ่มที่ยังไม่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานจากจุดต่ำสุดในช่วง 1H57 คือกลุ่มเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (TK, GL) เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมที่ยังไม่เอื้ออำนวย บวกกับฐานลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ยังได้รับผลกระทบจากราคาฟืชผลเกษตรส่วนใหญ่ที่ตกต่ำลง
ฝ่ายวิจัยประเมินว่า GCAP, AEONTS, SINGER และ KCAR ล้วนอยู่ในข่ายบริษัทที่คาดว่าจะแสดงการเติบโตของผลการดำเนินงานที่โดดเด่นขึ้นในช่วง 2H57 โดยเฉพาะ SINGER ซึ่งได้รับผลกระทบ
มากในช่วง 2Q57 เนื่องจากยอดขายสินเชื่อในกลุ่มครัวเรือนที่ตกต่ำลง เพราะสถานการณ์การเมืองและวันหยุดยาว น่าจะกลับฟื้นตัวแรงได้ในช่วง 2H57 ขณะที่ KCAR เชื่อว่าโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งพร้อมกับการปรับตัวในช่วงวิกฤติไปแล้วอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นแรงส่งให้ผลการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2H57 ตามอุตสาหกรรมจำหน่ายรถยนต์มือสองที่จะฟื้นตัวแรง

*** บล.คันทรี่กรุ๊ป มองหุ้นเช่าซื้อพี/อีต่ำ-ยก THANI เป็นหุ้นเด่น
ด้านบทวิเคราะห์ "เด็กแนว" บล.คันทรี่กรุ๊ป ระบุว่า กลุ่มเช่าซื้อ ส่อแววเข้าครองตลาดต่อจากหุ้นกลุ่มต่างๆแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้พลังงานทดแทน อสังหา ก่อสร้าง และเหล็กวิ่งว่อนอยู่เป็นสัปดาห์ รอบนี้เด็กแนวว่ากลุ่ม leasing ที่มีค่า PE ต่ำ จะกลับมาหวือหวา เช้านี้เริ่มเห็นบางบริษัทวิ่งนำไปก่อนแล้ว ตัวตามตอนบ่ายจึงสำคัญ โดยเน้นไปที่บริษัทมีศักยภาพ ฟื้นตัวในครึ่งหลัง และฐานทุนที่แกร่ง
ทั้งนี้ มองว่าราชธานี ลีสสิ่ง(THANI) จัดว่าเด่น เพราะคู่แข่งเรื่องการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถขนาดใหญ่นั้นไม่มีใครสู้ ครึ่งปีหลังคาดหมายเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็น bottom out ซึ่งประเมินว่าสินเชื่อก็ต้องวิ่งแรงเช่นกัน และเมื่อเปรียบเทียบหุ้นในกลุ่มนี้เลือกตัวที่ตัวเลขสำคัญด้านอัตราส่วนทางการเงินที่ดูดี พบว่า THANI มีค่า PE ย้อนหลังต่ำสุดที่ 10.4 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยตอนนี้ราว 15 เท่า แบบนี้เรียกว่าถูกเกินไป ส่วนราคาเป้าหมายนั้นเฉลี่ยโบรกเกอร์ให้กันราวๆ 4.50 บาท แสดงว่ามี Upside ไม่น้อย ส่วนแนวโน้มเทคนิคมีสัญญาณ uturn ตรง bottom แล้วแนวการเด้ง 4.10 บาท
ด้านบล.กสิกรไทย ระบุว่า โครงการเงินผัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ อุดหนุนลดต้นทุนเพาะปลูก จัดโซนนิ่งปลูกพืช เร่งใช้งบ ส่งผลดีต่อธุรกิจเช่าซื้อ อาทิเช่น TK GCAP และ SAWAD

*** TK ยอมรับนโยบายรัฐหนุนจิตวิทยากลุ่มเช่าซื้อช่วงสั้น
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ ไทย" ว่า มาตรการเร่งด่วนในการช่วยเกษตรกร และคนจน วงเงินกว่า 100,000 ล้านบาทของรัฐบาลนั้น มองว่าจะช่วยกระตุ้นจิตวิทยาการบริโภค และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมองว่าการบริโภคยังฟื้นตัวล่าช้า จากราคาพื้นผลทางการเกษตร ทั้งมันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มที่ยังตกต่ำ ประกอบกับหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ประชาชนยังชะลอการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าการบริโภคจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งคือ ไตรมาส 4/57 และต้นไตรมาส 1/58
" แม้จะมีแรงกระตุ้นคงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มาก เพราะ 70% ของจีดีพี ยังมาจากการส่งออก แต่การส่งออกก็ยังชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง คงไม่ได้ดีมาก ขณะที่การบริโภคที่คิดว่าจะฟื้น มันก็ไม่เต็มที่ หนี้ครัวเรือนยังมี ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าวที่เคยได้ตอนนี้ไม่ได้แบบนั้นแล้ว นโยบายที่ปลี่ยนไป แม้จะทำได้ก็ไม่ตลอด เพราะเราเป็นประเทศที่ไม่ได้มีเงินมาก"นายประพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯจะคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในปีนี้ที่ระดับไม่เกิน 5% จากไตรมาส 2 ที่อยู่ที่ระดับ 5.3% เนื่องจากเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะช่วยให้ประชาชนมีงานทำ และมีรายได้มาชำระหนี้ได้ตามปกติ แต่มองว่ากำลังซื้อในปีนี้ยังชะลอตัวต่อเนื่องแน่นอน สะท้อนจากยอดขายรถจักรยานยนต์ 7-8 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายตกไป 20% รถยนต์ตกไป 4%
" ปีนี้เราคงพยายามคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 5% ส่วนไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นนั้นเพราะจากสถานการณ์ต่างๆ เศรษฐกิจที่แย่ การเมืองที่ตอนนั้นไม่ชัดเจน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดี ก็หวังว่ามันจะดีขึ้น" นายประพล กล่าว