ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.28 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.24/31 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวานนี้มีสัญญาณกลับตัวทางเทคนิค ท้ายสัปดาห์มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ 1,590 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักซึ่งเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเป็นบวก


อย่างไรก็ตามภาพรวมผันผวนมากขึ้น แนะนำขายรายหุ้นที่ขึ้นมาจนเกิน Fair Value ปีนี้ และสลับมาซื้อหุ้นที่มี upside/laggard รอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด หุ้นเด่นเลือก LOXLEY-AAV-SF-SIM-RS-BTS-STPI-KBANK-BBL-KTB-CK-STEC-SPALI-QH-LPN-SAMART-SPCG-TRUE และ WHA







บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ภาวะการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ MBKET ประเมิน SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบ 1,590 จุด และมีลุ้นปิดยืนเหนือแนวดังกล่าว หลังมีความพยายามในการทดสอบด่านดังกล่าวมาหลายครั้งก่อนหน้า ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT / อสังหาฯ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเป็นบวก

ส่วนประเด็นการลงประชามติของชาวสกอตแลนด์ จะทราบผลเบื้องต้นในเวลา 8.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และผลอย่างเป็นทางการในเวลา 11.00 น.

อย่างไรก็ตาม MBKET ยังคงให้น้ำหนักต่อภาพ SET INDEX จะขยับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และทะลุผ่านด่านดังกล่าวในสัปดาห์หน้า จากแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติ และเม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งปิดการขาย IPO วันที่ 22 ก.ย. วงเงิน 1.5 พันล้านบาท คาดว่ากลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มอสังหาฯ จะขยับเด่นและเป็นกลุ่มผลักดัน SET INDEX ในรอบสั้นนี้ อีกทั้งการเข้าสู่เทศกาล Window dressing ของกองทุน ทำให้ Downside risk ของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” SF / SIM



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า ทการที่ SET สามารถยืนได้เหนือแนวต้านย่อยที่ 1,580 จุด วานนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค ประกอบกับความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่ลดลง ทำให้คาดการณ์ SET จะปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ด้วยเป้าหมาย 1,630 +/- จุด (ปรับขึ้นจาก 1,615 จุด ตามกรอบ Uptrend Channel) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มหลักที่เป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกระแสเงินทุนจากต่างประเทศต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ อย่าง KBANK BBL KTB CK STEC SPALI QH LPN SAMART ขณะที่หุ้นขนาดกลางนอกจาก SAPPE ด้วยเป้าหมายระยะสั้นที่ 39.5/44.0 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ” SPCG หลังมีแผนเข้าซื้อหุ้น 10% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น กำลังการผลิต 150MW



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ บวกต่อ แต่จะผันผวนมากขึ้น

KGI คาด SET วันศุกร์แกว่งขึ้นต่อ ระวังผันผวนแถว 1,589-1,593 จุด (มุมมองเทคนิค) หลังจุดยืนของ ธ.กลางสหรัฐฯ ที่น่าจะตรึงดอกเบี้ยต่อถึงกลางปี 58 หนุนเงินเข้าตลาดหุ้นโลก และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนดีบ้างไม่ดีบ้าง (ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงมาก แต่ยอดเริ่มสร้างบ้านส.ค. ก็ลดลงเช่นกัน สะท้อนว่าการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจนขนาดต้องขึ้นดอกเบี้ยทันที)

ด้านฝั่งยุโรป การปล่อยกู้ T-LTRO รอบแรก อยู่ที่ 8.26 หมื่นล้านยูโร ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2 แสนล้านยูโร แต่ผลกระทบต่อหุ้นโลกแทบไม่มี เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่รอ ธ.กลางยุโรปประกาศรายละเอียดมาตรการซื้อพันธบัตร ในวันที่ 2 ต.ค. ทั้งนี้คาด SET จะผันผวนมากขึ้นแถวๆ จุดสูงสุดเดิม อาจใช้เป็นจุดสังเกตเพื่อทำกำไรเล่นรอบ

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร LOXLEY (Laggard กลุ่มฯ), AAV (ฟื้นตัวแนวรับ ตามคาด)



บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า SET จะปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิม 1,592 จุด (เป้าหมายครึ่งปีหลังของปี 57 ของเรา) ในวันนี้!!!

ทั้งนี้มองว่า “ถ้าการปรับฐานก่อนหน้าเพียงพอ ...การทะลุ 1,592 จุดย่อมไม่ยาก” ในที่สุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้เคลื่อนขึ้นมาทางบวกสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของเรา โดยมีเป้าหมายลำดับต่อไปที่จะขึ้นทดสอบแนวต้านเดิม 1,592 จุด ซึ่งการฝ่าด่านดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่

เรามีความคาดหวังเชิงบวก โดยมีเหตุผลสนับสนุนจาก 1) ตลาดหุ้นไทยผ่านการย่ำฐานและปรับฐานระยะสั้นมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ และ 2) เรายังเห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่พลิกฟื้นไปในปี 2558 จึงเป็นโอกาสทางบวกที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นของ SET Index ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีแรงหนุนของราคาหุ้นในกลุ่ม big cap. เข้ามาในลำดับต่อไป (ซึ่งที่ผ่านมายังน้อยมาก) ผนวกกับการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศในส่วนที่เหลือของปีนี้ สำหรับวันนี้ ให้กรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 1,580-1,592 จุด (ไม่เกิน 1,595 จุด)



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ตลาดยังมีการเก็งกำไรสูงมาก กลยุทธ์แนะขายรายหุ้นที่ขึ้นมาจนเกิน Fair Value ปีนี้ (EA, BMCL, ANAN, HEMRAJ, TPIPL) และสลับมาซื้อหุ้นที่มี upside/laggard เช่น RS, BTS, STPI จึงยังเลือก RS (FV@B10) เป็น Top pick การปรับกลยุทธ์ตลาด จะทำให้ประมาณปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ดีดตัวขึ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,578 จุด ได้เป็นครั้งแรกทำให้ภาพของแนวโน้มตลาดมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นในเชิงบวกโดยเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวแบบ sideway เป็นทิศทางแนวโน้มขึ้น สัญญาณกราฟที่เกิดขึ้นถือว่ามีสัญญาณซื้อครั้งใหม่และ MACD ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.60 ไปที่ 5.97 สนับสนุนสัญญาณซื้อครั้งนี้

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,578-1,595 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร TRUE และ WHA