March 29, 2024   9:34:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > EFORLปิดดีล"วุฒิศักดิ์"-กำไรโต250%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 17/09/2014 @ 08:15:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

EFORLปิดดีล"วุฒิศักดิ์" บอร์ดไฟเขียวตั้ง บ .ย่อยเข้าถือหุ้น 100% มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาท เตรียมนำวาระเข้าสู่การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 22 ต.ค.นี้ ระบุเข้าเกณฑ์ Backdoor Listing แต่ยันยังไม่เปลี่ยนธุรกิจหลักคือ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ผู้บริหารย้ำงานนี้ไม่มีเพิ่มทุน ใช้เทคนิคลดส่วนของทุนเกินชำระที่จะร่วมลงทุนกับผู้ร่วมลงทุนรายอื่นมา โปะ 2,500 ล้านบาท รวมกับเงินกู้ในประเทศ 2,000 ล้านบาท ฟากโบรกเกอร์ชี้กำไรสุทธิปีหน้าจ่อพุ่ง 250% บล.ทิสโก้ ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานสู่ 2.50 บาท จากเดิม 1.60 บาท ทว่า บล.ฟินันเซีย ไซรัส ผวาเกิด sell on fact แม้กำไรอาจดีขึ้นจริงแต่บัดนี้ PE แพงถึง 51 เท่าและ PBV 15.6 เท่าไปแล้ว

**EFORL ปิดดีลซื้อวุฒิศักดิ์ ตั้ง บ .ย่อยเข้าถือหุ้น 100%
บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) จากผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 100% มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อดังกล่าวจะทำผ่านบริษัทย่อย ซึ่งมี EFORL ถือหุ้น 60% ,กองทุน ซึ่งจัดตั้งและบริหารโดย Solaris Asset Management Company Limited ถือหุ้น 15% และกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของวุฒิศักดิ์ ประกอบด้วย นายพลภัทร จันทร์วิเมลือง, นายวุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช และ นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ถือหุ้น 25%

**แหล่งเงินทุนทำธุรกรรม 4,500 ล. มาจากไหน?
แหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้รวม 4,500 ล้านบาท มาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ 1) ส่วนของทุนของ บริษัทย่อย จำนวน 2,500 บาท ประกอบด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 1,000 ล้านบาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 1,500 ล้านบาท โดย EFORL ถือหุ้นใน บริษัทย่อย สัดส่วน 60% ดังนั้น บริษัทจะมีเงินลงทุนใน บริษัทย่อย จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยเงินลงทุนดังกล่าวบริษัทจะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน วงเงินกู้ยืม 1,500 ล้านบาท ระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนไม่เกิน 8 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR ของธนาคารที่ใช้อ้างอิง 2) บริษัทย่อย จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขสำคัญได้แก่ ระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนไม่เกิน 8 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR ของธนาคารที่ใช้อ้างอิง 

**เข้าเกณฑ์ Backdoor Listing ชัดเจน แต่ยันไม่เปลี่ยนธุรกิจหลัก
EFORL ระบุว่า รายการดังกล่าวเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม (Backdoor Listing) เนื่องจากขนาดของรายการดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่า 100% ตามเกณฑ์มูลค่ารวมสิ่งตอบแทน   อย่างไรก็ตาม EFORL จะยังไม่เปลี่ยนแปลงธุรกิจหลักคือ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับความสวยงามต่อไปเหมือนเดิม โดยจะมีธุรกิจของ WCIG เข้ามาเสริมทำให้รายได้ของบริษัทมีความหลากหลาย ส่งผลให้มีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
WCIG ประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทคลินิกเวชกรรมไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน โดยเน้นให้บริการคำปรึกษาและตรวจรักษาปัญหาด้านผิวพรรณและลดกระชับสัดส่วน ภายใต้ชื่อ “วุฒิศักดิ์ คลินิก” มีสาขารวม 120 สาขา ตั้งอยู่ทั้ง ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด นอกจากนี้ มีการให้บริการในลักษณะ Franchise ในประเทศ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนม่าร์ รวม 11 สาขา  ผลการดำเนินงานของ WCIG ปี 2555 มีรายได้ 2,945.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 610.69 ล้านบาท ส่วนปี 2556 มีรายได้ 3,570.61 ล้านบาท กำไรสุทธิ 415.99 ล้านบาท  
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ รับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารของนายปริน ชนันทรานนท์ โดยมีผลตั้ง แต่วันที่ 15 กันยายน 2557 ทั้งนี้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเรื่องดังกล่าววันที่ 22 ต.ค. 2557 ขึ้นเครื่องหมาย XM เพื่อสิทธิ์ในการเข้าประชุม วันที่ 25 ก.ย. 2557

** ผู้บริหารระบุไม่มี Dilution Effect ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)(EFORL) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จํากัด (WCIG) ซึ่งประกอบธุรกิจให้คําปรึกษาและตรวจรักษาปัญหาด้านผิวพรรณและลดกระชบสัดส่วน ในสัดส่วนร้อยละ 100 ผ่านบริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ด้วยมูลค่าซื้อขายทั้งสิ้นประมาณ 3,500 ล้านบาท
โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในบริษัทย่อยในสัดส่วนร้อยละ 60 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 จะเป็นการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายเดิม ได้แก่ นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ นายพลภัทร จันทร์วิเมลือง และนายวุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช โดยถือหุ้นบริษัทย่อยในสัดส่วนร้อยละ 25 และอีกร้อยละ 15 ถือหุ้นโดยกองทุนซึ่งจัดตั้งและบริหารโดย Solaris Asset Management Company Limited
สำหรับบริษัทย่อยที่จะไปลงทุนซื้อ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จํากัดนั้น จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วรวมส่วนเกินทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นร้อยละ 60 ต้องใช้เงินลงทุนจำนวน 1,500 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้บริษัทจะกู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ ไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มทุน และ/หรือ ดำเนินการอื่นใดที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น EFORL ในปัจจุบันเลย เนื่องจาก EFORL เป็นบริษัทที่ไม่มีภาระหนี้สิน และอยู่ในข่ายที่สถาบันการเงินให้การสนับสนุนได้ ดังนั้นจึงเป็นนวัตกรรมการซื้อขายกิจการรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยสำหรับตลาดทุนไทย ที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบ Dilution Effect ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น และยังเป็นผลดีทำให้ EFORL ได้ธุรกิจเข้ามาเพิ่มเป็นการสร้างการเติบโต สร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท ทั้งในด้านทรัพย์สินและรายได้ตลอดจนการรุกเข้าสู่ธุรกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง
 โดยบริษัทย่อยจะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในสัดส่วน 100% จากผู้ถือหุ้นเดิมของ WCIG โดยจํานวนเงินที่ใช้สําหรับการเข้าซื้อหุ้น WCIG ทั้งหมด จํานวนรวม 153,395 หุ้น รวมเป็นเงิน ประมาณ 3,500 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทย่อยจะให้ WCIG กู้ยืมเงิน ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ WCIG นําไปจ่าย ชําระคืนหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมดให้แก่ Wise Thai Company Limited ซึ่งทั้งหมดรวมประมาณ 4,500 ล้านบาท  สำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนในการดำเนินการครั้งนี้ บริษัทย่อยจะใช้แหล่งเงินมาจากส่วนของทุนและจากการกู้ยืมเงิน โดยในส่วนของทุนบริษัทจะร่วมลงทุนกับผู้ร่วมลงทุนรายอื่น ด้วยเงินทุนชำระรวมส่วนเกินทุนจํานวน 2,500 ล้านบาทดังที่กล่าวในข้างต้น นอกจากนี้ บริษัทย่อยจะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศเป็นจํานวนเงินรวม 2,000 ล้านบาท   อย่างไรก็ตาม บริษัทจะประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 22 ตุลาคม 2557 เพื่อขออนุมัติดำเนินการดังกล่าว

** บล.ทิสโก้ แนะนำ“ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 2.50 บาท
บทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่า การเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการเข้ามาเสริมทัพในธุรกิจเสริมความงาม หลังจากที่บริษัทเข้าซื้อบริษัท That’s So (ซึ่งบริษัทเข้าลงทุนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา) ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันรายได้ของบริษัทในอนาคต ด้วยธุรกิจเสริมความงามมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2-3 หมื่นล้านบาท และมีการเติบโต 15-20% ต่อปี ซึ่งหลักๆ เป็นกลุ่มแมส ตลาดหลักของวุฒิศักดิ์ และวุฒิศักดิ์เป็นผู้นำในกลุ่มคลินิคเสริมความงามที่ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 122 สาขา ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชาสัดส่วนรายได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ สู่ธุรกิจเสริมความงาม 
การซื้อวุฒิศักดิ์คลินิค เป็นการเพิ่มรายได้และกำไรให้แก่บริษัทอย่างมาก และทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่มีรายได้จากการจัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์เท่านั้น มาเป็นรายได้จากธุรกิจเสริมความงาม ซึ่งเราประเมินว่ารายได้หลังจากรวมกิจการแล้ว จะส่งผลให้สัดส่วนจากรายได้เสริมความงามจะอยู่ที่ 70% อย่างไรก็ตาม ด้วยการเข้าลงทุนในครั้งนี้มาจากการกู้ยืมสูงถึง 3,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีภาระดอกเบี้ย 207 ล้านบาทในปี 2015F และทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.3 เท่ามาเป็น 4.6 เท่าในปี 2015Fการเข้าลงทุนในวุฒิศักดิ์ ช่วยเพิ่มรายได้และผลประกอบการก้าวกระโดด  รายได้ของวุฒิศักดิ์ เท่ากับ 3.5 พันล้านบาทในปี 2013 ด้วยสมมติฐานการเติบโต 3 ปีเฉลี่ย 13% (สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเสริมความงาม) และ Gross margin ที่ 40% เราคาดว่าวุฒิศักดิ์ฯ จะมีกำไรสุทธิ 506 ล้านบาทใน 2014F และ 561 ล้านบาทในปี 2015F ซึ่งจะเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิในปี 2015F ของ EFORL มาอยู่ที่ 6,566 ล้านบาท และ 479 ล้านบาท หรือ 56% จากประมาณการเดิมของเรา และส่งผลให้มูลค่าที่เหมาะสมของ EFORL ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 2.50 บาทต่อหุ้น จากเดิม 1.60 บาท
ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” จากการอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตทั้งกลุ่มการแพทย์และเสริมความงาม ด้วยมูลค่าตลาดสูงถึง 2-3 หมื่นล้านบาท

** บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้กำไรสุทธิปีหน้าพุ่ง 250% แต่ราคาหุ้นแพงเกินไป แนะระวัง sell on fact
บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า แม้ว่าวุฒิศักดิ์จะทำให้กำไรของ EFORL ดีขึ้นอย่างมาก แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ P/E ถูกลงได้ เราไม่เหตุผลในการลงทุนในหุ้นที่มี PE 51 เท่าและ PBV 15.6 เท่า
ทั้งนี้ D/E ของ EFORL จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 0.2 เท่า เป็นประมาณ 2-3 เท่า เพราะ EFORL ต้องกู้เพิ่มและค้ำประกันเงินกู้ให้วุฒิศักดิ์ ขณะที่ Book value ของ EFORL ดีขึ้น จะเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้น 2Q14 ที่ 0.08 บาท/หุ้น เป็น 0.12 บาท/หุ้น  กำไรสุทธิของ EFORL ก็ดีขึ้น น่าจะเพิ่มจาก 100 ล้านบาทในปีนี้ เป็น 350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250%
ส่วน EPS เพิ่มขึ้นเช่นกัน จาก 0.01 บาท เป็น 0.04 บาท  แต่เนื่องจาก EFORL มีทุนชำระแล้วที่สูงถึง 9,200 ล้านหุ้น เมื่อคิดเป็น PE จึงแพงถึง 51 เท่า และ PBV 15.6 เท่า  บทวิเคราะห์ระบุว่า มูลค่าที่จ่ายซื้อวุฒิศักดิ์ หากมองในมุมของกำไรของวุฒิศักดิ์ คิดเป็น PE 11 เท่า (อิงกำไรปี 2013) ถือว่าไม่แพง แต่ถ้ามองในมุมของมูลค่าตามบัญชี คิดเป็นการซื้อที่ PBV ถึง 6 เท่า  และแม้ว่าในอนาคต EFORL อาจนำวุฒิศักดิ์เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ กำไรที่ EFORL จะรับรู้จากวุฒิศักดิ์ก็จะลดลงตามสัดส่วนที่จะไดลูทให้ผู้ถือหุ้นใหม่ และวุฒิศักดิ์ก็อาจจะน่าสนใจมากกว่า EFORL
ดีลนี้เข้าข่ายเป็น Backdoor listing เพราะมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทที่เข้าไปซื้อ (วุฒิศักดิ์) สูงกว่ามูลค่าของตัวเอง (EFORL) ถึง 453% แต่ EFORL จะขอผ่อนผันให้ตลาดฯ ไม่ต้องพิจารณารับเป็นหลักทรัพย์ใหม่ เพราะ EFORL จะไม่เปลี่ยนแปลงธุรกิจของวุฒิศักดิ์ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้มีอำนาจในบริษัท  ประชุมผู้ถือหุ้น 22 ต.ค. 10.00 น.
สมมติว่า ราคาตลาดปัจจุบันของ EFORL ที่ 1.95 บาทเป็นราคาที่เหมาะสมโดยให้ PE 25-30 เท่าเท่ากับกลุ่มโรงพยาบาล EFORL จะต้องทำกำไรให้ได้ปีละ 600-720 ล้านบาท ซึ่งน่าจะยากเกินไปในช่วง 2 ปีนี้แม้จะรวมวุฒิศักดิ์เข้ามา 60% แล้วก็ตาม  เราไม่เห็นเหตุผลในการซื้อลงทุน EFORL เนื่องจาก Valuation ที่แพง และราคาหุ้นที่เก็งกำไรด้วยข่าวนี้ ข่าวก็ได้ประกาศแล้ว น่าจะ sell on fact มากกว่า

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com