บริษัท ทีทีดับบลิว"พุงกาง ปีนี้ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท หลังยอดขายน้ำเพิ่มขึ้น แถมได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ BOI หนุน ประเมินความต้องการใช้น้ำปีนี้โต 3% อยู่ที่ 283 ล้าน ลบ.ม./วัน หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาจากการเมืองสงบ พร้อมเพิ่มงบลงทุนรอบ 3 ปี เป็น 2.5-2.6 พันลบ.ที่กระทุ่มแบน เตรียมทุ่มงบเฉียด 600 ล้านบาทลงทุนธุรกิจน้ำประปาในพม่า-ลาว คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้

เป็นอีกหนึ่ง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2557 ออกมาดี สำหรับ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/57 มีกำไร 760.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 522.43 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไร 1,477.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,396.22 ล้านบาท
ล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ส.ค.57) ทางผู้บริหาร นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการของ TTW ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ออกมาพบสื่อมวลชน พร้อมกับโชว์วิสัยทัศน์ และแผนการดำเนินงานของ TTW ไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มเป้ากำไรสุทธิในปีนี้ และทิศทางการเข้าไปลุยตลาดอาเซียนใน สปป.ลาว และสหภาพเมียนม่า โดยล่าสุดราคาหุ้น TTW ปิดที่ระดับ 12.30 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.92 ล้านบาท

*** เพิ่มเป้ากำไรสุทธิปีนี้เป็น 15%หลังรับประโยชน์ BOI เต็มปี - ยอดใช้น้ำพุ่ง
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ ของ TTW เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้เป็นเติบโต 10-15% หรือแตะ 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,573.76 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทฯจะได้รับประโยชน์จาก BOI เต็มปี โดยไม่ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลจากกำไรสุทธิ 20% จากปีก่อนที่บริษัทฯต้องจ่ายภาษีดังกล่าวในช่วง 5 เดือนแรก ประกอบกับคาดว่าอัตราการใช้น้ำจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะความเชื่อมั่นภาคการบริโภคในประเทศดีขึ้นหลังการเมืองสงบ
โดยเบื้องต้นคาดว่า ยอดจ่ายน้ำของบริษัทฯครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ที่ 137 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปัญหาการเมืองมีความสงบเรียบร้อยแล้ว ทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเข้าไปพัฒนาโครงการน้ำประปาในต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหลายพื้นที่ยังมีความต้องการน้ำประปาที่สะอาด และได้มาตรฐานสำหรับอุปโภคบริโภคเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
ส่วนปริมาณการใช้น้ำในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 283 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เติบโต 3% จากปีก่อน ขณะที่คงเป้าหมายรายได้เติบโต 1% จากปีก่อนที่ทำได้ 5,852.37 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่การเติบโตของรายได้ไม่สูงมากนักเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ ผลิตน้ำเต็มกำลังการผลิต ขณะที่ในปีก่อนมีรายได้พิเศษเข้ามากว่า 347 ล้านบาท

*** เตรียมทบทวนการงบลงทุนรอบ 3 ปี จาก 2 พันลบ. เป็น 2.5 -2.6 พันลบ.
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทฯ จะมีการทบทวนงบลงทุน 3 ปี (2557-2559) โดยจะเพิ่มจาก 2,000 ล้านบาทเป็น 2,500-2,600 ล้านบาท เนื่องจากต้องเพิ่มงบลงทุนที่โรงงานกระทุ่มแบน ในส่วนของการวางระบบโครงสร้าง รองรับเฟส 2 และ 3 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2559 ซึ่งการก่อสร้างจะมีระยะห่างกัน ประมาณ 5 ปี เพื่อให้พอดีกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงจะลงทุนสร้าง โรงกรองน้ำแห่งใหม่เพิ่มเติมด้วย

*** วางงบ 600 ลบ. ลุยลงทุนพม่า - ลาว
ด้านการลงทุนต่างประเทศ นายชัยวัฒน์ คาดว่าการร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจน้ำประปาในในเมืองเมาะลำใย ประเทศพม่าจะสำเร็จได้ภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายของการเจรจา โดยบริษัทฯจะเข้าไปถือหุ้น 70% ในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (310 ล้านบาท ) โดยที่มาของเงินลงทุนจะมาจากเงินหมุนเวียนในบริษัทฯ ที่ปัจจุบันมีกระแสเงินสดกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการในพม่าจะถือเป็นโครงการต้นแบบที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจน้ำครบวงจร เพื่อการขยายธุรกิจในต่างประเทศในอนาคต ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในเวลา 12-18 เดือนหลังจากเซ็นสัญญาร่วมทุน กำลังการผลิต 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน สูงสุดที่ 40,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการน้ำประปาในประเทศลาว คาดใช้เงินลงทุนราว 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (248 ล้านบาท) ซึ่งมีกำลังการผลิต ราว 2 หมื่นลูกบาศก์เมตร/วัน แต่ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ เนื่องจากเป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้น
"การทำธุรกิจน้ำประปาในพม่า จะเป็นการสร้างต้นแบบที่ดีเพื่อต่อยอดธุรกิจอื่น เบื้องต้นยังไม่หวังกำไรมาก จะเริ่มจากการวางท่อในเส้นทางเศรษฐกิจไปก่อน ส่วนที่ลาว อาจจะเป็นการซื้อกิจการ ซึ่งขณะนี้ถูกเชิญเข้าไปพูดคุยในลาว"นายชัยวัฒน์ กล่าว