April 20, 2024   2:37:52 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เก็บ 29 หุ้นกลุ่ม Domestic Plays มาแรง!
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 15/08/2014 @ 08:19:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.86/93 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ซบเซา ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ลุ้นทดสอบ 1,550 จุด จาก Momentum เชิงบวกของกระแสเงินทุนไหลเข้า และพัฒนาการเชิงบวกทางการเมืองในประเทศ สำหรับหุ้นเด่นเลือกกลุ่ม Domestic Plays ได้แก่ BBL, BTS, RCL, TSR, WHA, ASK, KBANK, KTB, SPALI, QH, LPN, CK, STEC, TPIPL, BTS, BMCL, AOT, CENTEL, SAMART, SPCG, DEMCO, GUNKUL, EA, CPF, MAJOR, QH, SAMART, MFEC และ AOT

บล. ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 1,550 +/- จุด จาก Momentum เชิงบวกของกระแสเงินทุนไหลเข้า และพัฒนาการเชิงบวกทางการเมืองในประเทศ ขณะที่คงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,570-1,600 จุด เหมือนเดิม สำหรับปัจจัย “พลิกผัน” ยังเป็นสถานการณ์ในยูเครน อิรัก เป็นหลัก

Domestic Plays ยังเด่น และแนะนำ “ซื้อ” ธนาคาร (KBANK, KTB เป็น 2nd Tier ที่น่าสนใจ) อสังหาฯ (SPALI QH LPN) รับเหมาฯ (CK STEC) วัสดุก่อสร้าง (TPIPL) ขนส่งและท่องเที่ยว (BTS BMCL AOT CENTEL) สื่อสาร (SAMART) และพลังงานทางเลือก (SPCG DEMCO GUNKUL EA)…นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่กำไร 2Q14 ออกมาดี มี Upside Risk ต่อการปรับประมาณการ อย่าง CPF (ต้าน 30.5) MAJOR (ต้าน 21.2) QH (ต้าน 4.24)



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ว่า หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,535 จุด ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของ MBKET เพื่อเป็นการยืนยันภาพตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดยคาดว่าระดับสูงสุดก่อนหน้า 1,550-1,560 จุด มีความเป็นไปได้สูงที่ SET INDEX ขึ้นทดสอบและทะลุด่านดังกล่าวในที่สุด ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าปัจจัยการลงทุนภายในประเทศ ยังคงเอื้อต่อทิศทางดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินใหม่จาก Trigger Funds ราว 5-8 พันล้านบาท, พัฒนาการทางการเมืองรวมถึงแผนเศรษฐกิจที่จะชัดเจนในช่วงที่เหลือของเดือนส.ค. และ การทยอยประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ของหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้จับตาการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่า ส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมเงินเพื่อชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ TRUE ในวันที่ 22-28 ส.ค. รวมถึงความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจจากนี้ไป

สำหรับการปรับดัชนี MSCI Thailand รอบไตรมาสพบว่า ไม่มีการเพิ่มหุ้นไทยในการคำนวณครั้งนี้ แต่คัด GJS และ GSTEL ออกจากการคำนวณ มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตหุ้น เพื่อรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,550 จุดขึ้นไป แต่หาก SET INDEX มีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นโอกาสของการเข้าเก็งกำไรรอบสั้นได้เช่นกัน” ยังคงเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกของการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” SAMART และ “ซื้อ” MFEC





บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ว่า ตลาดได้รับ Sentiment เชิงบวก อังกฤษส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และยังให้ความสนใจหุ้นที่มีกำไรที่ดี โดยยังชอบ BTS(FV@B12) วันนี้เลือก RCL(FV@B12) เป็น Top pick หลังบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ASP ปรับเพิ่มประมาณการ และเพิ่ม Fair Value ขึ้นจากเดิมเพียง 6.5 บาท



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ว่า บวกต่อแต่ผันผวนมากขึ้น

KGI มอง SET วันพฤหัสฯ แกว่งขึ้นต่อ อาจมีอืดๆ แกว่งๆ แถว 1,550 แต่ให้น้ำหนักว่าท้ายที่สุดจะผ่านไปได้ คาดต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อจากปัจจัยบวกภายนอกที่เพิ่มขึ้น i) ความกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ได้ลดลงหลังยอดค้าปลีก ก.ค. ต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก ii) ความเสี่ยงเรื่องการเมืองต่างประเทศลดลง หลังอิสราเอล-ฮามาสหยุดยิงต่ออีก 5 วัน และรัสเซียยืนยืนว่าหน่วยรถช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม มีกาชาดสากลร่วมด้วย (ไม่น่าเป็นแผนเข้าโจมตีอีกระลอก) ด้านปัจจัยภายในยังเป็นมุมมองเชิงบวกต่อการตั้งรัฐบาลใหม่ และการเบิกจ่ายงบฯ ปี 2558 ที่จะตามมา แนะนำถือหุ้นหรือสะสมช่วงผันผวน เชิงกลยุทธ์เราปรับเป้าสิ้น ส.ค. จาก 1,550 เป็น 1,600 จุด หลังปัจจัยภายนอกพลิกฟื้นเร็วกว่าที่คาด

หุ้นเด่นวันนี้ “เก็งกำไร” TSR (งบเด่น + ราคาหุ้นยัง Laggard), WHA*, ASK





บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (14 ส.ค.) หลังจากพักตัวในกรอบจำกัดแล้ว ถัดจากนี้คาดมีลุ้นแกว่งบวกขึ้นต่อได้!

แนวโน้ม : SET เริ่มพลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นได้ดีอีกครั้งเมื่อวานนี้ โดยคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการและการจ่ายปันผลของ บจ.ต่างๆ ที่ทยอยประกาศในช่วงนี้ รวมทั้งนักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวกว่าในสัปดาห์หน้า สนช. น่าจะมีประชุมเพื่อหารือแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีของไทยคนใหม่ ซึ่งหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะมีนโยบายและมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นอีก ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศยังค่อนข้างสดใส หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดเป็นบวกได้ดี เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเอกชนทั้งในยุโรปและสหรัฐ และถึงแม้ว่าตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐจะออกมาซบเซาในเดือน ก.ค. แต่ก็ช่วยสร้างความมั่นใจว่าเฟดคงจะยังไม่ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ๆ นี้ ซึ่ง FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งขึ้นต่อเนื่องอีกพักใหญ่ และมีแนวโน้มที่ดัชนีจะขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของรอบได้แถว 1600 จุดหรือใกล้เคียงในช่วงถัดไปได้

แนวรับ 1542-1538 , 1535-1530 จุด แนวต้าน 1546-1548 , 1555-1556 จุด

กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET กำลังเริ่มต้นกลับไปแกว่งบวกขึ้นต่อเนื่องอีกครั้งแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะทำจุดสูงสุดใหม่แถว 1600 จุด(+/-) ได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นหลังจากเราแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มในช่วงตลาดอ่อนตัวลงไปแล้ว ถัดจากนี้แนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อน จนกว่า SET จะขยับเข้าใกล้ 1600 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป จึงจะพิจารณาหาจังหวะขายทำกำไรกันอีกครั้ง

หุ้นเด่นมีประเด็น AOT ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 250 บาท



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (14 ส.ค.) ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? ภายใต้ความคาดหวังว่าเฟดยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ๆ นี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนกค. อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทั้งในยูเครน และอิรัก

.....ขณะที่ปัจจัยในประเทศคาดได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเกือบ 3,700 ล้านบาท (รองจากไต้หวันที่มียอดซื้อสุทธิ 235 ล้านUSD) โดยยังแนะติดตามค่าเงินบาท ล่าสุดเช้านี้แข็งค่าขึ้นอีก โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 31.90 – 31.97 บาท จากเมื่อวานที่ 32.07 บาท และระวัง Sell on Fact จากประเด็นที่มีการเก็งกาไรผลประกอบการ 2Q/57 ก่อนหน้านี้ และเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของการประกาศผลการดาเนินงาน

....อย่างไรก็ตามแนะติดตามประเด็นที่คาดเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหลังจากนี้ไป โดยเฉพาะความคาดหวังในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในช่วง 2H/57 และปี’58 หลังมีรัฐบาลใหม่เข้ามา (คาดภายในส.ค. นี้ ซึ่งเร็วกว่ากรอบเวลาเดิม 1 เดือน) คาดจะมีความชัดเจนและความต่อเนื่องทั้ง (1) ความคืบหน้างบประมาณปี’58 วงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท ที่เตรียมเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยในจานวนนี้ ประมาณ 450,000 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนที่ส่วนใหญ่เน้นการจัดการระบบน้าและงานถนน (2) ความคืบหน้าในโครงการที่พร้อมเปิดประมูล หลังมีความชัดเจนแหล่งเงินทุนที่จะนามาใช้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางที่ผ่าน EIA ไปแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา (3) ภาครัฐเตรียมผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 แห่ง โดยกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมด่านการค้าชายแดน 6 แห่ง รวมถึงประเด็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ที่อาจจะส่งผลกระทบหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมี

หุ้นแนะนา : BBL

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com