April 20, 2024   12:28:54 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ชู TMB เป้าหมายใหม่ 3.50 บาท
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 18/07/2014 @ 08:53:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2557 ของธนาคาร ทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TMB ได้สร้างความประหลาดให้กับนักวิเคราะห์ และนักลงทุนที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นกำไรสุทธิที่เติบโตเกิน 2.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเกือบ 1000 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน



การพุ่งทะลุของกำไร ทำให้นักวิเคราะห์กลับมาปรับประมาณราคาเป้าหมายหุ้นกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในเรื่องของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(ROE) ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 15 % ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูง เมื่อเทียบกับการดำเนินของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วยกัน

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.57 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 2.58 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.059 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 924% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 251.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0058 บาทต่อหุ้น



ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ ซื้อหุ้นธนาคาร ทหารไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TMB ปรับมูลค่าเหมาะสม มาอยู่ที่ 3.50 บาท จากเดิมอยู่ที่ 2.50 บาท) โดยมีเหตุผลดังนี้

-TMB : ROE ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ปรับมูลค่าเหมาะสมเป็น 3.5 บาท ; เชื่อมั่นว่า ROE จะเพิ่มเป็น 16% ใน 2559F

เราปรับประมาณการผลประกอบการปี 2557-2559F เพิ่มขึ้น 24% จาก LLR ส่วนเกิน และการผลักดันมาตรการสินเชื่อ SME จากรัฐบาลจะทำให้ต้นทุนเงินทุนลดน้อยลง และการสร้างการเติบโตรายได้ที่ดีจากธุรกิจ SME ซึ่งมีอัตรากำไรสูง นอกจากนี้ ถ้าเป้าหมาย ROE ระยะกลางของธนาคารอยู่ที่ 16% เป็นไปตามคาด มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะลดสัดส่วนการถือลงทั้ง ING และกระทรวงการคลัง ถ้ามูลค่าหุ้นอยู่ในระดับสูง

-ROE เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 16% ในปี 2559F มาจากต้นทุนเงินทุนที่ดีขึ้นและการเติบโตของ SME ที่แข็งแกร่ง

จากการประชุมนักวิเคราะห์ของ TMB ได้เพิ่มความเชื่อมั่นของเราว่าธนาคารสามารถทำให้ ROE เป็นไปตามเป้าได้ที่ 14% ภายใน 2557F และ 16% ภายใน 2559F ทาง CEO ได้กล่าวว่าจากตั้งสำรอง LLR ส่วนเกินระหว่างปี 2555-56 จะทำให้ธนาคารสามารถบวกกลับ LLR จากที่ NPL ที่ธนาคารตั้งเป้าว่าจะขายใน 2H57-2559

อย่างไรก็ตาม เราได้ปรับลดสมมติฐานต้นทุนทางการเงินปี 2557-59F มาอยู่ที่ 60bps จาก 90bps เราได้เพิ่มการเติบโตรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยสุทธิเป็น 13% จาก 10% เนื่องจาก TMB ได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาลทหารที่ผลักดันมาตรการสินเชื่อ SME ในกลางเดือนสิงหาคม (สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50%) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อและคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น

-การเก็งกำไรสำหรับ TMB เนื่องจากโอกาสในการเป็นเป้าหมาย takeover อาจกลับมาใน 4Q57

เราคาดว่า รัฐบาลทหารจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีได้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่น่าจะอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลทหาร จะสามารถสร้างเสถียรภาพและความยืดหยุ่นสำหรับ ING และกระทรวงการคลัง สำหรับการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง นอกจากนี้ RoE ของ TMB ที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง ดังนั้น ING และกระทรวงการคลังอาจจะขายหุ้น TMB ด้วยมูลค่าหุ้นที่อยู่ระดับพรีเมี่ยม

-ปรับมูลค่าเหมาะสมมาอยู่ที่ 3.5 บาท (จาก 2.5 บาท) เราแนะนำ “ซื้อ”
  
มูลค่าเหมาะสมของเราที่ 3.50 บาท มาจากการเฉลี่ย PBV ที่ 2.1x สำหรับ 2557-58F (จาก 1.6x), CoE ที่ 11.2%, RoE ที่ 15% (จาก 13.2%) และการเติบโตระยะยาวที่ 7.7% ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ 1) ค่าธรรมเนียม cross-selling ที่ชะลอตัว 2) การที่อัตราเงินเฟ้อ/ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพ SME และสำรอง LLR ที่เร็วว่าคาด และ 3) การสิ้นสุดของมาตรการสินเชื่อโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า



TMB: ทรีนีตี้ แนะนำ "Buy on weakness" ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท/หุ้น ศักยภาพในการเติบโตสูงหนุน ROE เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

- แนวโน้ม ROE มีโอกาสเพิ่มขึ้น จากศักยภาพในการเติบโตที่มีสูง

จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ผู้บริหารชี้แจงถึงผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเป้าหมายการเพิ่ม ROE

โดยในส่วนของ NIM คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเน้นสินเชื่อในกลุ่ม SME ขนาดเล็กที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งมีแผนจะจับลูกค้ากลุ่มนี้โดยใช้ บสย. เข้ามาค้ำประกัน ด้านต้นทุนทางการเงินอาจไม่ลดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากธนาคารได้ใช้กลยุทธ์การขยายฐานลูกค้ารายย่อยจากเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างเช่น เงินฝาก No fixed หรือ ME
แต่เป็นโอกาสให้ธนาคารสามารถขายผลิตภัณฑ์ Cross-selling เช่น Bancassuranceหรือ กองทุนรวม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ ขณะที่ในด้านค่าใช้จ่ายคาดว่าจะสามารถควบคุมได้ โดยจะทำให้ Cost-to-income ratio ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ธนาคารตั้งเป้าระดับ ROE สำหรับปี 2557 ที่ 14% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 15-16% ในปี 2558-2559

- ปรับเพิ่มประมาณการเพื่อสะท้อนงบ 2Q57 และงบการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น

เราคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2557-2558 ใหม่ที่ 7,599 และ 8,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 13.16% และ 8.05% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนรายการพิเศษใน 2Q57 ที่ทำให้กำไรออกมาสูง และด้วย NPL Coverage Ratio ของธนาคารปัจจุบันที่อยู่เหนือ 150% แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในกลุ่มธนาคารขนาดกลาง และเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับธนาคารทั้งหมด ทำให้เรามองว่าแรงกดดันต่อสำรองหนี้สูญในระยะต่อไปจะมีน้อยลง

- ราคาหุ้นค่อนข้างร้อนแรง แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นตามประมาณการใหม่ของเรามาอยู่ที่ 2.82 บาท อิง PBV 1.8 เท่า ทั้งนี้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้ Upside มีค่อนข้างจำกัด แต่หากราคาหุ้นอ่อนตัวมาเรามองว่าเป็นโอกาสให้เข้าซื้อได้อีกครั้ง แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”



ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท/หุ้น

เราได้ปรับเพิ่มประมาณการปี 2557-2558 ขึ้น 27.6-38.2% เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกและแนวโน้มที่ดูสดใสตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป พร้อมกันนี้เราได้ปรับคำแนะนำจากขายเป็นซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2558 เพราะเราเชื่อว่าตลาดมองข้ามเศรษฐกิจที่อ่อนแอในปีนี้ไปแล้ว และซื้อขายอยู่บนความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในปีหน้าและปีต่อๆไป

นอกจากนี้ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2557-2558 ของ TMB ขึ้น 27.6-38.2% เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครึ่งแรก และแนวโน้มที่ดูสดใสตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป พร้อมกันนี้เราได้ปรับคำแนะนำจาก ขาย เป็น ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2558 เพราะเราเชื่อว่าตลาดมองข้ามเศรษฐกิจที่อ่อนแอในปีนี้ไปแล้ว และซื้อขาย TMB บนความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในปีหน้าและปีต่อๆไป

-ผู้บริหารทำได้ตามเป้าหมายที่เคยบอกไว้

ผู้บริหารได้พยายามปรับปรุงธนาคารในทุกๆ ด้าน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็สามารถทำได้ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ อย่างเช่น การลดสัดส่วน NPL และการเพิ่ม ROE ทั้งนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงิน ที่แตกต่างของ TMB ที่มักจะชนะใจลูกค้าเสมอ TMB ค่อยๆ โดดเด่นขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าเป้าหมายออกไปได้เรื่อยๆ

-บริหารจัดการ NPL อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัญหา NPL สูงถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของ TMB แต่ด้วยการบริหารจัดการ NPL อย่างมีประสิทธิภาพของ TMB สัดส่วน NPL จึงลดลงจาก 12.1% ในไตรมาสที่ 1/53 เหลือ 3.4% ในไตรมาสที่ 2/57 ทั้งจากขาย NPL และการปรับโครงสร้างหนี้ เราเชื่อว่าธนาคารจะเดินหน้าลด NPL ต่อไปจนถึงเป้า 3.0% ในสิ้นปีนี้ และลงต่อมาถึงระดับเทียบเท่าอุตสาหกรรมในที่สุด

-ROE เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น: ขยายโอกาสในการเติบโต

ด้วยกลยุทธ์การบริหารที่ได้วางไว้ในหลายๆ ด้าน TMB ตั้งเป้า ROE ปีนี้เอาไว้ที่ 14% ซึ่งเรามองว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ กลยุทธ์การใช้เงินฝากเป็นตัวนำช่วยให้ธนาคารสามารถดึงเงินฝากจากทั้งลูกค้ารายย่อยและ SME ได้ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และรายได้ non-NII เพิ่มขึ้นจากการขายผลิตภัณฑ์แบบ cross-selling
ในขณะที่มีการนำนโยบายการควบคุมต้นทุนมาใช้ควบคู่กันอย่างต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ นโยบายการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังก็น่าจะช่วยให้งบดุลแข็งแกร่งขึ้น และต้นทุนการปล่อยสินเชื่อลดลงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนให้ ROE เพิ่มขึ้น และขยายโอกาสในการเติบโตของ TMB ในอนาคต

-Valuation & Action

จากความสามารถของผู้บริหาร และผลงานที่โดดเด่นในการปรับปรุง และสร้างความเข้มแข็งให้งบดุลและความสามารถในการทำกำไร อย่างต่อเนื่อง เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2557-2558 และปรับเพิ่มระดับ PBV ที่เหมาะสม โดยอิงจากอัตรา ROE ที่สูงขึ้น พร้อมกันนี้เราได้ปรับคำแนะนำจาก ขาย เป็น ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2558 ที่ 3.20 บาท อิงจาก 1.8x ของ PBV ปี 2558 เราเชื่อว่าหุ้น TMB จะยังคงมีการซื้อขายในระดับราคาที่สูงต่อไป ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อ และความคาดหวังของตลาดถึงผลประกอบการที่จะดีขึ้นในอนาคต

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com