April 24, 2024   11:17:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โค้งแรก SCC กำไรพุ่ง17%-พื้นฐาน 580บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 23/04/2014 @ 08:49:22
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สำนักวิเคราะห์โบรกเกอร์ประเมินกำไร "ปูนใหญ่" โตสวนการเมืองเดือด คาดไตรมาส 1/57 โกย 9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และโต 9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ด้วยอานิสงส์ธุรกิจปิโตรเคมีเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอย่างแรง หนุนประมาณการทั้งปี 57 ขยับขึ้นตาม ขณะที่ธุรกิจปูนซิเมนต์-วัสดุก่อสร้าง เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป รอวันฟื้นตัวเต็มที่ ด้าน 6 โบรกเกอร์ลงมติเอกฉันท์เชียร์ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 500-580 บาท

***พื้นฐานแกร่งเหนือการเมืองร้อน
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์คาดกำไร บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCC) 1Q57 จะเติบโตได้ แม้ว่าสถานการณ์การเมืองวุ่นวาย โดยเติบโตเท่ากับ 9,588 ล้านบาท (+17%QoQ, +9%YoY) โดยได้แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจปิโตรเคมีที่เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์-วัสดุก่อสร้างยังมีการเติบโตแม้ไม่โดดเด่น จากการก่อสร้างในโครงการต่างๆยังต่อเนื่อง แนวโน้มผลประกอบการในปี 2557 คาดกำไรจะยังเติบโต 5% สู่ระดับ 38,514 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ได้เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ในขณะที่ชัพพลายใหม่เพิ่มไม่มากเพียง 3% ยังคงตั้งเป้าลงทุนปีนี้ 4-5 หมื่นล้านบาท ภายใต้แผน 5 ปี 2-2.5 แสนล้านบาท เน้นภูมิภาคอาเซียนสนับสนุนการเติบโตระยะยาว

***ปิโตรเคมีขาขึ้นต่อเนื่องหนุน กำไรหรู
บทวิเคราะห์ยังระบุอีกว่า แรงหนุนสำคัญของผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตดีมากจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่วัฏจักรได้เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง สเปรด HDPE-Naphtha ใน 1Q57 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 620 เหรียญ/ตัน (+5%QoQ, +19%YoY) และ PP-Naphtha 626 เหรียญ/ตัน (+5%QoQ, +8%YoY) บวกกับโรงงาน มาบตาพุด โอเลฟินส์ กลับมาเดิน 100% ของกำลังการผลิตหลังจากที่มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน รวมถึงโรงงาน ระยองโอเลฟินส์ ก็เดินเต็ม 100% และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนก็ปรับตัวดีขึ้น ทำให้รวมแล้วธุรกิจปิโตรเคมีฯจะมีกำไร 4,201 ล้านบาท (+88%QoQ, +60%YoY)ธุรกิจปูนซิเมนต์-วัสดุก่อสร้างจะยังเติบโต ส่วนธุรกิจกระดาษดีขึ้นจากไตรมาสก่อน: ธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ความต้องการปูนซีเมนต์ยังเติบโต 4-5% แรงหนุนการก่อสร้างโครงการต่างๆที่ยังต่อเนื่อง ช่วยชดเชยผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ทรงตัว ทำให้รวมแล้วคาดจะมีกำไรเท่ากับ 4,094 ล้านบาท (+24%QoQ, +1%YoY) สำหรับธุรกิจกระดาษ คาดจะฟื้นตัวจากไตรมาสสี่ เนื่องจากไตรมาสสี่มีการปรับสายผลิตภัณฑ์ Fibrous Chain คาดจะมีกำไรเท่ากับ 824 ล้านบาท (+95%QoQ, -39%YoY) แต่ยังทรุดตัวลงจากปีก่อน

***วัฏจักรราคาเคมีภัณฑ์กระฉูดยาวอย่างน้อย 3 ปี
บล.เคจีไอ ประเมิน SCC ว่า เราคาดว่า SCC จะมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/57 จะอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% YoY และ 17.5% QoQ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ แต่คาดผลกระทบต่อ SCC จะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการความไม่แน่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นโดดเด่น และนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และตลาดส่งออก คาดจะช่วยหนุนให้กำไรของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง เราประเมินกำไรปกติในปี 2557 จะอยู่ที่ 3.77 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสที่อาจจะปรับเพิ่มประมาณการขึ้นอีกได้ในอนาคต ทั้งนี้จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง
โดยส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์น่าจะยังอยู่ในขาขึ้นไปอีกอย่างน้อยสามปี เนื่องจากอุปทานใหม่โดยเฉพาะในสาย ethylene น่าจะทรงตัวอยู่ที่ 3.0-4.0% ในช่วงปี 2557-2559 และอาจจะปรับลดลงอย่างน้อย 200bps เหลือ 2.0% และ 4.0% ในปี 2559-2560 เนื่องจากความล่าช้าของการเพิ่มกำลงการผลิต ทั้งนี้จากสมมติฐานส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ของเราที่ US$610/ตัน ในขณะที่ส่วนต่างในปัจจุบันอยู่ที่ US$623/ตัน และหากความขัดแย้งทางการเมืองที่จบลงเร็วกว่าที่คาด ทำให้มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นได้ในเร็วๆ นี้

***ธุรกิจหลากหลายช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงตลาดในประเทศ
บล.กรุงศรี คาดการณ์กําไรสุทธิ SCC ใน 1Q57 จะเท่ากับ 9.1 พันล้านบาท (+3%YoY และ +11%QoQ) เติบโตจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก ขณะที่จุดเด่นหลักของบริษัทอยู่ที่ความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจที่ช่วยลดการพึ่งพิงตลาดในประเทศซึ่งเราคาดว่าสัดส่วนกําไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในปี 57 จะขยับขึ้นเป็น 40% ของกําไรสุทธิโดยรวมและธุรกิจที่พึ่งพิงตลาดในประเทศดังเช่นปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะมีสัดส่วนลดลงเป็น 40% ของกําไรสุทธิโดยรวม นอกจากนี้การเพิ่มสัดส่วนของสินค้า High value-added ของกลุ่มธุรกิจช่วยเพิ่มอัตราการทํากําไรในระยะยาวของบริษัทซึ่งในปี 56 สัดส่วนขยับสูงขึ้นเป็น 35% ของรายได้รวมจาก 4% ในปี 47 ดังนั้น SCC ถือว่ามีความเสี่ยงในการดําเนินธุรกิจที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการอื่นๆในกลุ่มวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่อัตราเติบโตเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง

***ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการปี 57
พร้อมกันนี้ บล.กรุงศรี ได้ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการปี 57 สะท้อนส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง   เช่นเดียวกับภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทใน 1Q57 เราคาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นเพียงธุรกิจเดียวที่ผลักดันอัตราเติบโตของผลประกอบการในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเฉพาะจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังสูงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซน เราได้ปรับสมมติฐานส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์หลักสําหรับปี 57 โดยที่ปรับเพิ่ม HDPE-Naphtha ขึ้น 12% จากเดิมเป็น US$650 ต่อตันเนื่องจากความต้องการใช้ HDPE ในจีนที่ แข็งแกร่งและปรับลด Polypropylene-Naphtha ลง 6% จากเดิมเหลือ US$620 ต่อตันเนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในจีนจะเป็นปัจจัยกดดันส่วนต่างราคาในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ส่งผลให้ประมาณการผลประกอบการปี 57 เพิ่มขึ้น 3% จากเดิมเป็น 40.8 พันล้านบาท (+11%YoY) และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้น 2% เป็น 510 บาท อิงจากวิธี DCF (WACC 10.5% และ Terminal Growth Rate 3.5%) ตามการปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการ

***6 โบรกเกอร์มองราคาพื้นฐาน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 500 บาท
กรุงศรี “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 510 บาท
ทรีนีตี้ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 540 บาท
เคจีไอ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 580 บาท
ฟิลลิป "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 500 บาท
เอเซีย พลัส ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 520 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com