ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.50 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.28/32 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้โดยได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเอกชน ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจากจีน (ล่าสุดจีนเผยจีดีพีไตรมาส 1/57 ขยายตัว 7.4%) นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นชดเชยช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนยังอยู่ในช่วงพักผ่อนยาว ทำให้ดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบ หุ้นเด่นเลือก IVL EFORL EA SPCG BBL PTTEP PTTGC TUF INTUCH SAMART SIM SCC IRPC และ SYMC

นักวิเคราะห์จากบล.ทิสโก้ เปิดเผย (16 เม.ย.) ว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นได้ ชดเชยช่วงที่หยุดเทศกาลสงกรานต์สัปดาห์นี้ที่ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า

เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นขานรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน เช่น บริษัทโคคา โคล่า และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ส่วนหุ้นไทยมองว่ายังมีกระแสเงินทุนไหลเข้าอยู่น่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 1/57 ดัชนีหุ้นไทยน่าจะขยับขึ้นแต่การปรับขึ้นน่าจะยังจำกัดอยู่ มองแนวต้านที่ 1,395-1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด

ส่วนปัจจัยในประเทศรอความชัดเจนเรื่องการเมืองหลังสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ช่วงสงกรานต์ไม่มีอะไรกังวล ค่อนข้างนิ่ง แม้มีเหตุวุ่นวายนิดหน่อย แต่ไม่ได้มีผลอะไรมาก มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (16 เม.ย.) ว่า สัปดาห์นี้ตลาดน่าจะอยู่ในภาวะเงียบเหงา นักลงทุนบางส่วนยังอยู่ในช่วงพักผ่อนยาว ทำให้ดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,385 จุด กลยุทธ์ยังแนะนำขายหุ้นที่ outperform ตลาด และซื้อหุ้น Global ที่มีสัญญาณฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก เลือก IVL (FV@B26) เป็น Top pick



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 เม.ย.) มองทิศทาง SET INDEX วันนี้ MBKET ประเมินแกว่งในกรอบระหว่าง 1,380-1,395 จุด มูลค่าการซื้อขายดีขึ้น หลังสิ้นสุดวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย แม้ว่าประเด็นการเมืองสำคัญในสัปดาห์นี้คือ การเข้าชี้แจงของนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ ต่อการโยกย้าย คุณถวิล เปลี่ยนสีในวันพรุ่งนี้ MBKET เชื่อว่าจะมีการยื่นจดหมายขอเลื่อนการเข้าชี้แจงอีกครั้ง หากเป็นไปตามคาด กรณีการเมืองจะถูกยืดเวลาออกไปเป็นช่วงสิ้นเดือนหรือต้นเดือนหน้าแทน

ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังผลการดำเนินงานในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ กำไรเริ่มตามราคาหุ้นไม่ทัน บวกกับโอกาสที่ ECB / BoJ จะพิมพ์เงินเพิ่มในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าจะเป็นปัจจัยเอื้อต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้านี้ติดตามตัวเลข GDP ใน 1/57 ของจีน Bloomberg consensus คาด 7.3% ลดลงจากไตรมาส 4/56 ที่ขยายตัว 7.7%

ภาพกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” เน้นหุ้น Laggard หรือ Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “สะสม” SAMART / SCC



บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ (16 เม.ย.) ว่า เม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลเข้า ดัชนีถอยไม่ต่ำกว่า 1,370 จุด ยังมอง “ซื้อเก็งกำไร” ลุ้นดีดต่อ

ประเด็นหลักวันนี้ ทิศทางของตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วงเช้าวันนี้ จะขึ้นอยู่กับการประกาศตัวเลข GDP Growth ในไตรมาสที่ 1 ของจีน ซึ่งคาดว่าจีนจะประกาศออกมาที่ 7.2% ลดลงจาก 7.7% จากไตรมาสก่อนหน้า และถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีด้วย

อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้าตัวเลขดังกล่าวถูกประกาศออกมาตามคาดจริง จะกดดัน SET ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งการถอยตังลงไม่ปิดไม่ต่ำกว่า 1,370 จุด มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากในระยะต่อไปมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะกลับมาได้รับปัจจัยหนุนจากโอกาสที่รัฐบาลจีน หรือแบงก์ชาติจีน (PBOC) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมาภายในเดือนนี้ โดยเฉพาะการลด RRR

ดังนั้นในเชิงแนวโน้มยังคงประเมินว่าตราบใดที่ระหว่างสัปดาห์ SET ยังไม่หมุนตัวลงไปปิดต่ำกว่า Uptrend Line ในระยะสั้นบริเวณ 1,370 จุดอีกครั้ง เรามองว่า SET ยังมีโอกาสเหวี่ยงตัวขึ้นในกรอบ 1,370-1,430 จุด ในช่วงที่เหลือของ เม.ย.57 ได้

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังปิดเหนือ 1,370 จุดได้ แนะนำ “อ่อนตัวซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น BBL, PTTEP, TUF และ INTUCH โดยมี 1,370 จุดเป็นจุด Cut Loss ขณะที่การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) แนะนำ “ถือหุ้น 50% ของพอร์ต” ในกลุ่ม “Value Investing” ได้แก่ AP, SIRI, HEMRAJ, AAV, MAJOR, ESSO และ SAMART ซึ่งตั้งแต่แนะนำ 4 ก.พ.2557 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.3% เทียบกับ SET ที่ 8.4%

Stock Picks

PTTGC ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 90.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”

SIM ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 5.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 เม.ย.) ว่า แนวโน้ม SET สัปดาห์นี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1,380-1,400 จุด รอความคืบหน้าทางการเมืองโดยเฉพาะ 1) ปปช.ชี้มูลความผิดกรณีจำนำข้าว 2) ศาลฯวินิจฉัยกรณีโยกย้ายคุณถวิล และ 3) ความคืบหน้าในการกำหนดวันเลือกตั้ง โดยคาดว่าตลาดจะมีลักษณะ “Selective” หรือ “เลือกซื้อ” ในกลุ่มหุ้นที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/14 ออกมาดี

แนะนำ “Selective” หรือ “เลือกซื้อ” ในกลุ่มหุ้นที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/14 เติบโตแข็งแกร่ง ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน ได้แก่ EA SPCG ที่ได้รับผลดีจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น SAMART ที่ได้รับผลดีจากยอดขายโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้น และ “เก็งกำไร” EFORL คาดกำไรเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนจากธุรกิจ Trading เครื่องมือแพทย์



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 เม.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค จากรูปกราฟยังคงไม่มีสัญญาณใดๆ เปลี่ยนแปลงจากที่วิเคราะห์เมื่อวันก่อนหลังจากที่ ดัชนี SET มาทรงตัวที่เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นวันที่สามอีกครั้ง ก็ยังไม่พบรูปแบบขาขึ้นใหม่แต่อย่างใดจนกว่าจะผ่าน 1,390 จุด ก่อน ขณะที่ macd ยังอยู่ใต้ signal line ต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางของดัชนีหุ้นส่งสัญญาณทางเทคนิคเป็นลบ

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,385-1,395 จุดหุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสดีดตัว แนะนำซื้อเก็งกำไร IRPC และ SYMC