April 18, 2024   1:09:29 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SAMARTขึ้นหม้อ!กำไรปีนี้นิวไฮ
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 11/04/2014 @ 08:11:51
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกฯประสานเสียงรุมเชียร์ซื้อ SAMART ระบุกำไรปีนี้ทำนิวไฮ-พี/อีไม่แพง แถมได้ดีบริษัทลูกเข้าตลาด mai ดันราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้นอีก 4% ด้านวันทูวัน คอนแทคส์" (OTO) บริษัทลูก พร้อมเข้าเทรดในตลาด mai 15 พ.ค.นี้ เคาะราคาไอพีโอ 5.40 บ./หุ้น ชูจุดเด่นเป็นศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร พร้อมวางแผนลุยตลาด AEC โบรกฯ คาดรายได้ - กำไรปี 57 โตก้าวกระโดด 30% เหตุธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง - กระแสเงินสดมั่นคง

*** โบรกฯเชียร์ซื้อ SAMART
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ทยอยสะสม” หุ้น SAMART ราคาเหมาะสม 24.40 บาท จากประเด็นดังนี้
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q57 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq โดยประเมินเบื้องต้นที่ 380 -390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1Q56 ที่ 353 ล้านบาท และ 4Q56 ที่ 365 ล้านบาทตามลำดับ
b) และทิศทางกำไร 2Q57 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง qoq จากแรงผลักดันของยอดขาย Set Top box ของ Digital TV ที่ได้อานิสงค์จากการทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป และออกอากาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.
c) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ คือการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เม.ย. เพื่อออกหุ้นกู้จำนวน 5,000 ล้านบาท และเบื้องต้นเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการออกหุ้นกู้ดังกล่าว เนื่องจากคาดว่าจะเป็นการระดมเงินเพื่อเข้าซื้อธุรกิจที่สร้างรายได้แบบ Recurring ในระยะยาว เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า และเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการของเรา
d) เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 1,725 ล้านบาท +18% yoy และ +11% yoy ในปี 2558 เป็น 1,914 ล้านบาท
e) และยังมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15.1 เท่า รวมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 6% ต่อปี

** ผู้บริหารยังมั่นใจรายได้ปีนี้ 3 หมื่นลบ.
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ จะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากได้ธุรกิจทีวีดิจิทัลหนุนขณะที่ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 3 หมื่นล้านบาท

*** OTO เคาะราคาไอพีโอ 5.40 บาท
ด้านบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO บริษัทลูกของ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เคาะราคา IPO ออกมาแล้ว โดยบริษัทเตรียมจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 80 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.40 บาท ในวันที่ 6-8 พฤษภาคมนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง เป็นผู้จัดจำหน่าย และพร้อมเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 15 พ.ค. นี้
ทั้งนี้บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการครอบคลุม การบริการศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ (Contact Center Facility Outsourced) การจัดหาเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Service Representative) และการบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ (Fully Outsourced Contact Center Management) ในกรณีที่ลูกค้าต้องการที่จะบริหารจัดการระบบศูนย์ข้อมูลด้วยตนเอง บริษัทฯ พร้อมที่จะนำเสนอบริการออกแบบและติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Total Solutions) ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบ (Software) ระดับสากล ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศ 22 เปอร์เซนต์ และกวาดรางวัลมาตรฐานบริการระดับโลกมาแล้วมากมาย ล่าสุด ได้รับรางวัล Thailand Outsourced Contact Center Company of the Year จาก Frost & Sullivan 2 ปีซ้อน

*** โชว์กำไรโตต่อเนื่อง ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ด้านนางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากผลกำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2554-2556) ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับคือ 38.56 ล้านบาท 74.57 ล้านบาท และ 89.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.21%, 8.31% และ 12.96% และด้วยเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการศูนย์บริการข้อมูลที่ครบวงจรแก่ลูกค้าระดับภูมิภาค ทางบริษัทฯ จึงได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 280 ล้านบาท โดยจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวนทั้งสิ้น 80 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่
1.หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 20,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SAMART ตามสัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถือหุ้นใน SAMART (Pre-emptive Right) โดยมีสัดส่วนหุ้นสามัญเดิมของ SAMART 50.3165 หุ้น ต่อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OTO 1 หุ้น โดยผู้ถือหุ้นสามัญของ SAMART มีสิทธิจองซื้อหุ้นของบริษัทฯ ได้ไม่เกินกว่าสิทธิ ซึ่งจะทำการเสนอขายในวันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2557
2.หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่ SAMART ถืออยู่ใน OTO จำนวนไม่เกิน 10,000,000 หุ้น รวมทั้งหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SAMART ตามข้อ 1 เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งจะทำการเสนอขายในวันที่ 6 - 8 พฤษภาคม 2557
โดยราคาที่เสนอขายในทั้ง 2 ส่วนจะอยู่ที่ 5.40 บาท ต่อหุ้น ดังนั้นการระดมทุนในครั้งนี้จะมีมูลค่าระดมทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านบาท โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ SAMART นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนำไปเป็นใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ของบริษัท”

*** บอสใหญ่ SAMART มั่นใจได้รับการตอบรับอย่างดี
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทสามารถ ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร คุณภาพสูง ( Fully Contact Center Management Services ) ด้วยมาตรฐาน ISO 20000 และ CMMI Level 3 โดยมีลูกค้ารายองค์กรให้การยอมรับและใช้บริการมากมาย ทั้งภาครัฐและเอกชนในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจสายการบิน, ธุรกิจประกัน และธุรกิจบริการ เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนับจากก่อตั้ง โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบริการ Outsource Services ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออัตราการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา
โดยเป้าหมายจากนี้ไป นอกจากการขยายฐานลูกค้าและครองความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลในประเทศไทยแล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าในการขยายบริการสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV อันประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม อีกด้วย ดังนั้น ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน ผนวกกับโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการที่บริษัท วันทูวัน จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการจำหน่ายหุ้นสามัญครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง ทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน ศักยภาพในการทำกำไรที่สูง และที่สำคัญ คือ มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับสูงตามนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทฯ”

*** โบรกฯ ชี้กระแสเงินสดมั่นคงมาก
บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า SAMART ถือหุ้น OTO ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกันคิดเป็น 99.2% แบ่งเป็น SAMART (96%) สามารถคอมเทค (2%) SAMTEL (1%) และสามารถเอ็นจิเนียริ่ง (1%) หลังจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปแล้ว คาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นของ SAMART ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกันใน OTO จะลดลงเหลือ 71.3% ผู้ถือหุ้น SAMART ณ ปัจจุบันจะได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้น OTO ที่อัตราส่วน 50.3165 หุ้น SAMART ต่อ 1 หุ้น OTO ที่ราคาไอพีโอ
ทั้งนี้อัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ของ OTO อยู่ที่ 13% ต่อปีและอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิของ OTO อยู่ที่ 11% ในช่วงปี 2557-2563 คาดรายได้ปี 2557 ของ OTO มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 30% YoY เป็น 890 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 2557 ของ OTO มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 30% YoY เป็น 116 ล้านบาท ซึ่งจะมีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจรับจ้างให้บริการศูนย์บริการข้อมูล (outsourced) และรายได้ที่เติบโตก้าวกระโดดของธุรกิจติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ (turnkey) อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจรับจ้างให้บริการศูนย์บริการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลงจากการจ่ายคืนเงินกู้ที่เหลือทั้งหมดในปี 2556 ประเมินว่ารายได้และกำไรสุทธิปี 2557 ของ OTO จะคิดเป็น 3.5% และ 7.1% ของรายได้รวมและกำไรสุทธิรวมของ SAMART ตามลำดับ และเนื่องจากมากกว่า 70% ของพอร์ตลูกค้าของ OTO มาจากการต่อสัญญาเดิม (ปกติแล้วสัญญาจะมีอายุระหว่าง 1-3 ปี) ดังนั้นจึงประเมินว่าธุรกิจของ OTO ถือว่ามีกำไรและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและมั่นคงมาก

*** ประเมินราคาเป้าหมาย 6.25-8.61 บ. ดันหุ้น SAMART เพิ่ม 2.3-4 %
นอกจากนี้ บล.บัวหลวงยังเปิดเผยต่อว่า การเข้าซื้อขายหุ้นของ OTO ในตลาดใหม่ในเดือนพ.ค.นี้ ถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับราคาเป้าหมายของหุ้น SAMART ซึ่งประเมินด้วยวิธี Sum-of-the-parts หลังจากการเข้าซื้อขายในตลาดใหม่แล้ว เราจะทำการเปลี่ยนวิธีการคำนวณและประเมินมูลค่าของหุ้น OTO ใน SAMART จากปัจจุบันที่ใช้วิธี PER เปลี่ยนไปเป็นวิธีการคำนวณจากมูลค่าสินทรัพย์ตามราคายุติธรรม ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของหุ้น OTO ในราคาเป้าหมายของหุ้น SAMART เพิ่มสูงขึ้น ถ้าอ้างอิงกรอบราคาเป้าหมายของ OTO ที่เราประเมินได้ในช่วง 6.25-8.61 บาทต่อหุ้น ประเมินว่ามูลค่าหุ้น OTO ในราคาเป้าหมายของ SAMART มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 0.57 บาทต่อหุ้นเป็น 1.25-1.72 บาทต่อหุ้น (หรือเพิ่มขึ้น 119-202%) ดังนั้นราคาเป้าหมายของ SAMART ณ สิ้นปี 2557 จะเพิ่มขึ้นจาก 29 บาทไปเป็น 29.68-30.15 บาทต่อหุ้น (หรือเพิ่มขึ้น 2.3-4%)
ทั้งนี้การประเมินดังกล่าวยังคงไม่คำนวณอัพไซด์ที่จะมาจากมูลค่าเพิ่มของหุ้น OTO จากการเข้าซื้อขายในตลาดใหม่ ให้ตั้งข้อสังเกตว่า SAMART จะไม่ทำการบันทึกกำไร (หลังหักภาษี) จำนวน 32 ล้านบาทจากการขายหุ้น OTO จำนวน 10 ล้านหุ้นในครั้งนี้ผ่านงบกำไรขาดทุน แต่จะบันทึกโดยตรงผ่านไปยังกำไรสะสม ยังคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากอัตราส่วน PER ปี 2557 ที่ถูกมากเพียงแค่ 11.4 เท่า และอัพไซด์ที่จะมาจากยอดขายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตัล รวมถึงมูลค่าเพิ่มจากการนำหุ้น OTO เข้าซื้อขายในตลาดใหม่ภายในปีนี้

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com