???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 19/10/2005 @ 12:07:09 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต รมว.คลังกำชับแบงก์ห้ามล็อกหุ้น กฟผ. ให้ลูกค้าตัวเอง เน้นกระจายให้ประชาชนรายย่อย มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังมีการร้องเรียนกรณีล็อกพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรน้ำมัน เตรียมเรียกมากำชับเป็นกรณีพิเศษเร็วๆ นี้ เชื่อการจัดสรรหุ้นจะมีความโปร่งใส เพราะไม่มีหุ้นของผู้มีอุปการคุณ พร้อมสั่ง ก.ล.ต.จัดทำบัญชีธุรกิจที่ไม่ควรเข้าตลาดหลักทรัพย์ เผยต่อสาธารณชนเพื่อความชัดเจน[/color:d85ad0f77a">
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการกระจายหุ้นของ บมจ.กฟผ. ที่คาดว่าจะดำเนินการในช่วงเดือนพฤศจิกายนว่า โดยหลักการ กระทรวงพลังงานยืนยันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่า จะเน้นการกระจายหุ้นให้ถึงมือประชาชนรายย่อยให้มากที่สุด โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณ เพื่อป้องกันข้อครหาว่ามีการล็อกหุ้นให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่รู้สึกเป็นห่วงการจัดสรรหุ้นของ กฟผ. ในครั้งนี้ ประกอบกับเชื่อว่าความต้องการหุ้นของนักลงทุนรายย่อยอาจจะไม่มากพอ ที่จะรองรับปริมาณหุ้นที่กระจายสู่ประชาชนของ กฟผ. ซึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่เป็นห่วงว่าการจัดสรรหุ้นกฟผ.ครั้งนี้จะมีปัญหาหรือความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังเห็นปัญหาและจุดบกพร่อง ที่จะต้องแก้ไข คือ การทำหน้าที่รับจองหุ้นของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งที่ผ่านมาในการรับจองหุ้นหรือพันธบัตรต่างๆ มักจะมีกระแสข่าวการล็อกหุ้น หรือพันธบัตรให้กับลูกค้าของธนาคารเสมอ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กระทรวงการคลังจะกำชับกับธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารพาณิชย์ของรัฐให้เน้นการกระจายหุ้นของ กฟผ. ให้ถึงมือประชาชนรายย่อยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเน้นให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
กระทรวงการคลัง ไม่วิตกปัญหาการกระจายหุ้นของ กฟผ. ที่มีผู้วิตกว่าจะมีนักการเมืองหรือลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารผู้รับจองได้หุ้น กฟผ. แทนที่จะเป็นรายย่อย เพราะจะไม่มีการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณอย่างแน่นอน และจะเน้นธนาคารผู้รับจองให้กระจายหุ้นให้กับรายย่อยที่มีความต้องการหุ้นอย่างเต็มที่ ใครมีกำลังซื้อและต้องการได้หุ้นของ กฟผ. จะต้องได้รับการจัดสรรอย่างเป็นธรรมที่สุด แต่เข้าใจว่าจำนวนหุ้นของ กฟผ. ที่มีกว่า 1,540 ล้านหุ้น จะมากเกินกว่าความต้องการของประชาชนรายย่อยอย่างแน่นอน นายทนง กล่าว
สำหรับหุ้นของ กฟผ. จะเสนอช่วงราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (ไอพีโอ) ที่ 25-30 บาท มาร์เก็ตแคป 200,000 ล้านบาท มูลค่าการระดมทุน 40,000-45,000 ล้านบาท เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ในวันที่ 16-17 พฤศจิกายน โดยจะเปิดจองซื้อผ่านธนาคารพาณิชย์ตลอดทั้ง 2 วัน และหากจำนวนการจองสูงเกินกว่าหุ้นที่จัดสรร ก็จะใช้วิธีการกระจายหุ้นแบบขั้นบันไดในวันที่ 22 พฤศจิกายน โดยทุนจดทะเบียนชำระแล้วก่อนที่จะกระจายหุ้นต่อประชาชน (ไอพีโอ) อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท หรือ 6,000 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นให้กับพนักงาน 4.6 พันล้านบาท หรือ 460 ล้านหุ้น โดยพนักงานจะได้รับการจัดสรรหุ้น 8 เท่าของเงินเดือนในราคาพาร์ 10 บาท กำหนดการขายหุ้นสำหรับพนักงาน 25-27 ตุลาคม กำหนดระยะห้ามขายหุ้น 3 ปี จำนวนพนักงานทั้งสิ้น 25,000 คน สำหรับหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 1.54 หมื่นล้านบาท หรือ 1,540 ล้านหุ้น และทุนจดทะเบียนหลังการกระจายหุ้นต่อประชาชนจะมีประมาณ 80,000 ล้านบาท
นายทนง ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้คัดค้านการนำธุรกิจแอลกอฮอล์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯโดยประกาศว่า จะปักหลักชุมนุมประท้วงหน้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแสดงพลังไม่ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติรับธุรกิจแอลกอฮอล์ เข้ากระจายหุ้นต่อประชาชนว่า ในฐานะประธานบอร์ด ก.ล.ต. มีนโยบายที่เป็นกลางในเรื่องนี้ เนื่องจากมีทั้งกระแสของฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้าน โดยฝ่ายคัดค้านก็หาเหตุผล พร้อมผลวิจัยมารองรับว่า ธุรกิจแอลกอฮอล์เป็นผลเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจ จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะกระจายหุ้นตามที่ ก.ล.ต. กำหนดว่าต้องเป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนก็เห็นว่า เป็นเรื่องทางธุรกิจ และตราบใดที่คนไทยยังดื่มเหล้า ธุรกิจแอลกอฮอล์ยังถูกกฎหมาย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะค้ดค้านหรือห้ามบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะถือเป็นการกีดกัน
อย่างไรก็ตาม ตนมีนโยบายให้ ก.ล.ต. ไปจัดทำบัญชีรายชื่อธุรกิจ ที่ไม่ควรเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป แต่ยืนยันว่ากรณีเบียร์ช้างจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น
|