April 20, 2024   2:12:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ผ่างบโบรกเกอร์ Q3/48
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 15/10/2005 @ 21:19:27
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผ่างบโบรกเกอร์ไตรมาส 3/48 บล.ฟิลลิป ประเมิน 6 โบรกฯใหญ่ทำกำไรโต 15.70% ระบุ PHATRA-KEST-BLS มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ZMICO ส่วนแบ่งหดหายมากที่สุด ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ ยก PHATRA เป็นหุ้น Top pick เหตุ ROE สูงที่สุดในกลุ่ม ขณะที่พีอีต่ำที่สุด ส่วนกลุ่มเงินทุน TISCO เจ๋งสุด และ NFS ครองอันดับบ๊วย[/color:05fa22219c">

บล.ฟิลลิป ออกบทวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/48 ของธุรกิจหลักทรัพย์ คาดว่า 6 โบรกเกอร์ ได้แก่ PHATRA KEST BLS ZMICO KGI และ ASP จะมีผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโต 15.70% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาส 3 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET อยู่ที่ 16.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 15.54 พันล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้าอยู่ 3.74%และหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วอัตราการเติบโตนั้นอยู่ที่เพียง 0.61%
จากบริษัทหลักทรัพย์ที่เราทำประมาณการรวม 6 แห่งนั้น มี PHATRA ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงที่ 17.76% QoQ มาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.56% จากฐานลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะ ML ที่เข้าลงทุนในตลาดไทยต่อเนื่องและ KEST และ BLS ที่มีส่วนแบ่งตลาดปรับขึ้น 3.32% และ 2.48% QoQ สู่ 10.59% และ 3.31% ตามลำดับ สำหรับโบรกเกอร์อื่นๆ ล้วนมีส่วนแบ่งตลาดลดลงโดยบริษัทที่มีผลกระทบจากส่วนแบ่งตลาดหายไปมากที่สุด QoQ ได้แก่ ZMICOราคาหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ได้ปรับขึ้นตาม SET ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. 2548 โดยได้รับอานิสงส์จากแรงซื้อต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจากทางการจีนปรับค่าเงินหยวนและ S&P ประกาศปรับอันดับธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 5 แห่งสู่ระดับน่าลงทุนในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ตัวเลขส่งออกและนำเข้าของไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยเรามองว่าทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่สูงเกินราคาพื้นฐานของปี 2548 แล้ว อย่างไรก็ตามมองว่าหาก SET มีแนวโน้มที่ดีในไตรมาส 4 ราคาหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ก็ไม่น่าจะปรับลงได้มาก
ดังนั้นเราแนะนำให้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อขายหุ้นในกลุ่มนี้ได้ โดยให้อิงกับปริมาณการซื้อขายของ SET เป็นหลัก
ทั้งนี้หุ้นที่เราแนะนำ ซื้อ ได้แก่ BLS และ KGI เนื่องจากยังพอมี upside เหลืออยู่และ Trading ได้แก่ KEST จากการที่บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดทำให้จะได้รับผลประโยชน์เมื่อมูลค่าการซื้อขายปรับสูงขึ้น สำหรับ PHATRA นั้นมองว่ามีความน่าสนใจหากแต่ราคาหุ้นได้ปรับรับดีล EGAT มากเกินไปแล้วทั้งที่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องเวลาเข้าจดทะเบียนใน SET อยู่ โดยเราแนะนำ ขาย ไปก่อนและค่อย ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ส่วน ASP นั้นเรามองว่าแพงและแนะนำ ขาย จากส่วนแบ่งตลาดที่ปรับลดลงต่อเนื่องและ ZMICO ให้ ถือ เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนถึงส่วนแบ่งตลาดที่ปรับลดลงแล้ว
ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ คาดว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่รายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์จะรายงานกำไรไตรมาส 3/48 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าโดยมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านบาทต่อวันในไตรมาส 3/48 เทียบกับจำนวน 1.55 หมื่นล้านบาทต่อวันในไตรมาส 2/48 แต่กำไรจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงจากจำนวน 1.65 หมื่นล้านบาทต่อวันในไตรมาส 3/47
ทั้งนี้คาดว่าตลาดหุ้นจะดีขึ้นในไตรมาส 4/48 โดยได้รับการสนับสนุนจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของหุ้น กฟผ.และการเปิดตัวตลาด SET50 Index Futures ในต้นปีหน้า
บทวิเคราะห์ระบุว่า ระยะยาวหุ้นหลักทรัพย์ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากโบรกเกอร์รายใหม่และการเปิดเสรีหลังปี 2549 จะผ่อนคลายลงได้ในระดับหนึ่งจากการมีส่วนแบ่งรายได้จากตลาด SET50 Index Futures

คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/48 (ลบ.)
บริษัท Q3/47 Q2/48 Q3/48 YoY change QoQ change
ASP 197 97 109 -45% 12%
BLS 29 26 28 -2% 9%
KEST 198 157 167 -16% 6%
KGI 76 23 55 -29% 132%
PHATRA na. 126 79 na. -37%
ZMICO 73 57 34 -53% -40%

สำหรับคำแนะนำในหุ้นหลักทรัพย์ เป็นดังนี้
ASP-Underperform ราคาหุ้นแพงที่พีอี 22 เท่าในปี 2548 (Fully diluted จากวอร์แรนต์) เทียบกับ ROE 16% ไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ไม่ให้ลดลงได้
BLS-Underperform ราคาหุ้นแพงที่พีอี 17 เท่า ในปี 2548
CNS-ขาย กำไรแย่ ราคาหุ้นแพงที่พีอี 22 เท่า ในปี 2548
KEST-ขาย ราคาหุ้นยังแพงที่พีอี 21 เท่า ในปี 2548
KGI-ขาย กำไรแย่ ราคาหุ้นแพงที่พีอี 18 เท่าในปี 2548 เทียบกับ ROE 6.5%
PHATRA-Neutral เป็นหุ้น Top pick เนื่องจากมี ROE สูงที่สุดที่ระดับ 25% และผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ระดับ 4.4% ในปี 2548 ขณะที่หุ้นซื้อขายที่พีอีต่ำสุดที่ระดับ 16 เท่าในปี 2548
ZMICO-ขาย กำไรแย่ ราคาหุ้นแพงที่พีอี 25 เท่าในปี 2548 ขณะที่ไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ไม่ให้ลดลงได้

บล.ไทยพาณิชย์ ยังออกบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลการดำเนินงานกลุ่มเงินทุน พบว่าตัวเลขยอดขาย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เดือน ก.ค. และ ส.ค. ส่งสัญญาณว่าการขยายสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในไตรมาส 3/48 จะอ่อนตัวลงเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ในขณะที่ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา บ่งบอกว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและสินเชื่อส่วนบุคคล
ทั้งนี้บทวิเคราะห์คาดว่า TISCO จะรายงานกำไรดีที่สุด และ NFS จะรายงานกำไรแย่ที่สุด ดังตาราง

บริษัท Q3/47 Q2/48 Q3/48 YoY change QoQ change
KK 574 598 510 -11% -15%
NFS 665 781 501 -25% -36%
TISCO 347 400 403 16% 1%
SPL 224 210 215 -4% 3%
KTC 151 161 159 5% -1%
TK 102 102 96 -6% -5%

สำหรับคำแนะนำกลุ่มเงินทุน เป็นดังนี้

KK-Underperform ระยะสั้น คาดว่ากำไรไตรมาส 3/48 จะลดลง 11% YoY และ 15% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการขาดหายไปของกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้และเครดิตภาษี ส่วนระยะยาวผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับสูง แต่กำไรไม่สามารถยืนอยู่ในระดับสูงได้ เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อชะลอตัวลง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลง และโอกาสซื้อสินทรัพย์ด้อยค่าที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทสิ้นสุดลง
NFS-ระยะสั้น Neutral โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/48 จะลดลง 25% YoY และ 36% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงและโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูงน้อยลง ส่วนระยะยาว Outperform โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ PBV 0.8 เท่า เทียบกับ ROE
ที่ 11%
TISCO-ระยะสั้น Neutral โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/48 จะเพิ่มขึ้น 16% YoY (จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น) แต่ทรงตัว QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญน้อยลง ส่วนระยะยาว แนะขาย เนื่องจากราคาหุ้นแบง โดยซื้อขายที่ PBV 1.6 เท่าในปี 2548 เทียบกับ ROE ที่สามารถยืนอยู่ที่ 12%
SPL-ระยะสั้น Neutral โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/48 จะลดลง 4% YoY โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้น 3% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง ส่วนระยะยาว Outperform จากผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง แต่กำไรเติบโตได้จำกัดโดยมีสาเหตุมาจากการขยายสินเชื่อได้น้อยลงและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลง
AEONTS-ระยะสั้น Neutral ขยายสินเชื่อได้ต่อเนื่องในงวดครึ่งหลังของปีบัญชี 2548 ส่วนระยะยาว Outperform ยังน่าดึงดูดเนื่องจากราคาหุ้นอ่อนตัวลง และเป็น Top pick ของเรา โดยให้ ROE ที่สามารถยืนระดับสูงที่ 30%
KTC-ระยะสั้น Neutral คาดกำไรไตรมาส 3/48 เพิ่มขึ้น 5% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายสินเชื่อ แต่จะทรงตัว QoQ โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ส่วนระยะยาวมองการเติบโตของกำไรชะลอตัวลง จากการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตที่ชะลอลง
TK-ระยะสั้น Underperform คาดว่ากำไรไตรมาส 3/48จะลดลง 6% YoY และ 5% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการขยายสินเชื่อได้น้อยลงตามฤดูกาล ต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ส่วนระยะยาวมอง Neutral โดย PER ต่ำที่ 6 เท่า และ PBV 1.1 เท่า เทียบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ 7% และ ROE ที่สามารถยืนอยู่ได้ที่ระดับ 19%

 กลับขึ้นบน
มิชิโกะ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 288
#1 วันที่: 16/10/2005 @ 09:30:28 : re: ผ่างบโบรกเกอร์ Q3/48
.000A .0008

ขอบคุณ นะคะ...อาฟง[/color:f556aa0a56">

.0008 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#2 วันที่: 16/10/2005 @ 09:48:41 : re: ผ่างบโบรกเกอร์ Q3/48
.000A .000A ขอบคุณ ท่านอาฟง ครับ .000A .000A

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ไม่ได้เล่น ไฟ นานแระ ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#3 วันที่: 16/10/2005 @ 10:42:13 : re: ผ่างบโบรกเกอร์ Q3/48
.0002

นู๋ ...อ่ะ แมงเม่า ..บินเข้ากองไฟ[/size:62806cebd2">

.000c .0006
 กลับขึ้นบน
Spider
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 75
#4 วันที่: 16/10/2005 @ 11:52:07 : re: ผ่างบโบรกเกอร์ Q3/48
บินเข้ากองไฟ มีวิธีแก้อยู่2-3วิธีครับ

วิธีแรกคือ ก่อนที่ตลาดจะซบเซา ให้รีบขายทิ้ง เพื่อตัดขาดทุน ซึ่งมักจะทำกันเมือคิดว่าการยอมคัทลอส3%-5%จะดีกว่าที่จะเห็นมันลงไปอีก เมื่อเห็นหุ้นเริ่มมีเทรนด์ว่าจะลง หรือเมื่อเห็นว่ามันจบรอบใหญ่ไปแล้ว
ยอมเฉือนเนื้อที่เสียทิ้งเพื่อรักษาเนื้อที่ดีไว้ และมาซื้อกลับเมื่อเห็นว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น ซึ่งบางครั้งมันอาจจะซื้อที่สูงกว่าแต่ดีกว่าก็ได้

วิธีที่สองคือ ยอมถือต่อครับ ถ้าเราเห็นว่ามันช้าไปเสียแล้วที่จะปล่อย อีกทั้งหุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน หมายถึงว่า ถ้าคุณเข้าไฟไปที่ราวๆ720จุด+- ตอนนี้คงไม่ทันที่จะปล่อย เพราะหุ้นยังคงมีแนวโน้มที่ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ อีกทั้งราคาของกลุ่มไฟ ณ วันนี้ ถือว่าถูกมาก ถูกกว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเสียอีก

ซึ่งถ้าเราจับจุดตลาดออก ทุกปี จะมีการเล่นรอบใหญ่อยู่1-2ครั้ง ไม่เกินกว่านี้
กลุ่มไฟก็จะแปรตามการเล่นรอบใหญ่ในแต่ละครั้ง เพราะมันขึ้นกับโวลุ่มของตลาดโดยรวม

ถ้าจะเล่นไฟ ต้องเล่นตามรอบครับ และที่สำคัญคือการรู้จักให้Let the profit run คือให้มันดันขึ้นไปสูงๆมากๆ โวลุ่มโตๆ พอมันเริ่มที่จะลดหรือเมื่อมีการออกบทวิเคราะห์ให้ซื้อ ก็ค่อยเทขายออกไป แล้วมารับเมือมันต่ำกว่าที่ขายออกราวๆ15-20% หรือเมื่อมีบทวิเคราะห์ว่าให้ขาย(เหมือนที่ตอนนี้มีข่าวว่าให้ขายกลุ่มไฟตอนนี้)

ซึ่งการเล่นรอบนี้ ถือเป็นการเล่นรอบใหญ่ครับ เนื่องจากมันเริ่มมีการยกตัวให้เห็นอย่างชัดเจน อีกทั้งปลายปีนี้ จะมีการเข้าของหุ้นตัวใหม่ๆขนาดมาร์เก็ตแคบใหญ่ๆ ซึ่งน่าจะทำให้โวลุ่มพองโตได้ค่อนข้างมาก

ถ้าเดาไม่ผิด หลังจากที่อีแก่มันสรุปราคา และเริ่มมีกลุ่มเงินที่ผิดหวังจากการจองกลับมาซื้อหุ้นคืน ก็น่าจะทำให้ตลาดเป็นกระทิงได้ไม่ยาก รอบหน้าอย่างน้อยก็น่าจะไปปล่อยแถวๆปลายพฤศจิกายนต้นธันวาครับ ตอนนั้น น่าจะได้เห็นกลุ่มไฟพวยพุ่งไปเกือบหรือกว่าเท่าตัวครับ

ส่วนใครที่คิดจะจองอีแก่ ก็น่าจะถือยาวๆ แต่ถ้ามันลำบากนักในการจอง ก็มาซื้อเอาในตลาด แล้วลองถือยาวดูซักนิดก็ได้ครับ เพราะปีที่แล้วตอนที่ซูปเปอร์เข้า ผมก็ซื้อเอาในตลาดนี่แหละครับแล้วถือยาวซักนิดสำหรับหุ้นบางตัว

ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยครับ พรรษายังอ่อนนัก แต่ใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่น้อยนิดฝึกฝนอ่านตลาดมา เพราะไม่เก่งเทคนิค กอปรกับใจไม่ถึงพอครับ

ถ้าอยากรู้เรื่องเทคนิค คงต้องอาศัยพี่ๆเพื่อนๆที่อยู่ในนี้กันครับ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com