April 25, 2024   4:24:09 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แบงก์เฉา,คาด Q3/48 กำไรเตี้ยติดดิน
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 13/10/2005 @ 20:04:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นแบงก์เฉาหลังคาด Q3/48 กำไรเตี้ยติดดิน
-KTB จะมีกำไรสูงสุดแต่ KBANK แย่สุดๆ[/color:7d7d99d8f6">


ใกล้ประกาศผลประกอบการ Q3/48 (สิ้นสุด 30
ก.ย.) หุ้นกลุ่มแบงก์สุดเฉา เหตุโบรกเกอร์คาดการณ์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นน้อยมาก และยังถูกกดดันจากแนวโน้มการ ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ทั้งนี้ประเมิน KTB น่าจะมีกำไรสูงสุด เหตุได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ประมาณ 700 ล้านบาท ส่วน KBANK กำไรลดลงมากสุด เพราะมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น

* KTB ได้แรงหนุนจากวายุภักษ์
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
วิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยประเมินว่า ผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 3/48 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (ที่ทำการศึกษา 7 ธนาคาร) คาดว่าจะเท่ากับ 21,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% yoy เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเชื่อว่ามีสาเหตุจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 17.2% yoy ตามสินเชื่อที่เติบโต, เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ รวมถึง รายได้ดอกเบี้ยในส่วนของรายการตลาดเงินและรายการระหว่างธนาคารที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังคาดว่ารายได้ที่ไม่ได้อยู่ในรูปดอกเบี้ยยังคงเติบโตต่อเนื่อง11.2% yoy ตามธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/48 ที่ผ่านมา คาดว่าจะลดลง 4.6% qoq โดยมีสาเหตุจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ฯ ของ KBANK ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากจากนโยบายฯที่ต้องการให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น
สำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะมีกำไรโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตร
มาสที่ผ่านมาได้แก่ KTB และ BAY โดยเชื่อว่า KTB จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
22.4% qoq จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสูงจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลงและ BAY จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4.1% qoq จากสินเชื่อที่เติบโตสูงเช่นกัน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีการปรับเพิ่มถึง 2 ครั้ง ในไตรมาส 3/48
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะมีผลกำไรลดลงมาก ได้แก่ KBANK ที่คาดว่าจะลดลง 11.6% qoq จากนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดขึ้น และ BBL ลดลง 19.2% qoq จากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นและขาดทุนจากเงินลงทุนในตราสารหนี้

พร้อมกันนี้ ได้ให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ระดับ
เป็นบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเชื่อว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จาก
ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้นตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวที่มีการปรับเพีมขึ้น และมีผลทันที
โดยยังคงคำแนะนำซื้อ BBL สำหรับหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจาก
ยังมีราคาซื้อขายที่อยู่ในระดับต่ำเท่ากับ 1.5x ของมูลค่าทางบัญชีในปี 48 สำหรับธนาคารขนาดกลาง แนะนำทยอยสะสม BAY จากแนวโน้มกำไรสุทธิที่เติบโต, อัตราการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและราคาซื้อขายที่ต่ำเช่นกันที่ระดับเพียง 1.0 เท่าของมูลค่าทางบัญชี
นอกจากนี้ยังแนะนำซื้อเก็งกำไร KTB และ TMB จากผลประกอบการ
ไตรมาส 3/48 ที่คาดว่าจะเติบโตสูง

* KBANK กำไรร่วงจากการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่าสำหรับ บมจ.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) นั้น คาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะเพิ่มขึ้น 25% QoQ โดยได้รับการกระตุ้นจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.50% ก่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก การขยายสินเชื่อได้ในอัตราเร่ง และเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์
ทั้งนี้ ในระยะสั้นแนะนำ Outperform ส่วนระยะยาวแนะนำ Outperformเพราะอยู่ในสถานะดีที่สุดในสภาวะแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากเงินฝากของ BAY มี Duration นานที่สุด

ส่วน บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ระยะสั้น Outperform โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะลดลง 18% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงและค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น
ระยะยาว แนะนำซื้อ ประเมินว่างบดุลแข็งแกร่ง ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะ
สูญสำหรับสินเชื่อที่ปล่อยให้กับ TPI ไว้แล้วที่ระดับ 70% มีกำไรจากเงินลงทุนที่ยังไม่ได้รับรู้อยู่ประมาณ 3.5 บาทต่อหุ้น
ด้าน บมจ.ธนาคารไทยธนาคาร (BT) ระยะสั้นแนะนำ Outperform โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะเพิ่มขึ้น 22% QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลระหว่างกาลจากกองทุนวายุภักษ์
ระยะยาว แนะนำขาย โดยคาดว่ากำไรดีขึ้นหลังจากได้รับชำระเงินชด
เชยสินทรัพย์ด้อยคุณภาพภายใต้สัญญา Covered Asset Pool จากกองทุนฟื้นฟูฯในไตรมาส 4 ปี 2548 แต่ยังมีความสามารถในการทำกำไรต่ำกว่าธนาคารอื่น ๆ

KBANK ระยะสั้นแนะนำ Outperform เพราะคาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี2548 ลดลง 22% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้น
ระยะยาวแนะนำซื้อ ซึ่งการเน้นปล่อยสินเชื่อ SME ที่ให้ผลตอบแทนสูง
ส่งผลทำให้ KBANK มีส่วนอัตราดอกเบี้ยสุทธิและ ROE ที่สามารถยืนอยู่ได้ (16%) สูงที่สุด
KTB ระยะสั้นแนะนำ Outperform โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะเพิ่มขึ้น 17% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากเงินปันผลระหว่างกาลจากกองทุนวายุภักษ์
ระยะยาวแนะนำ Outperform โดยรายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มเติบโตสูงโดยได้รับการสนับสนุนจากบริการบริหารเงินสดให้กับรัฐบาล และอยู่ในสถานะที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

SCIB ระยะสั้นแนะนำ Neutral คาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะลดลง 8% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง
ระยะยาวแนะนำ Outperform เพราะมีแนวโน้มที่สินเชื่อที่ปล่อยให้กับ
TPI จะหลุดออกจากชั้น NPL มีอัตราการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่สุด NPL ต่ำที่สุด
ส่วน TMB ระยะสั้นแนะนำ Neutral โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จะลดลง 19% QoQ โดยมีสาเหตุมาจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้น และกำไรจากเงินลงุทนที่ลดลง
ระยะยาวแนะนำ Neutral ซึ่งผลประกอบการฟื้นตัวดีขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสิ้นสุดลงด้วยการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวนมากในไตรมาส 4 ปี 2547

* คาด ธ.พ.กำไรเพิ่มแค่ 2.2%
ด้านฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิงวด 3Q48 ของธนาคารพาณิชย์ (ธ.พ.) ทั้ง 8 แห่งที่ศึกษา พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 2.27
หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% qoq
โดย ธ.พ.ที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิงวด 3Q48 เติบโตโดดเด่นสุด คือKTB เพิ่มขึ้นถึง 36.7% qoq (บันทึกเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ราว 700 ล้านบาท และการลดลงของค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงาน) รองลงมาได้แก่ BAY เพิ่มขึ้น 11.6% qoq (ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน) และ SCB เพิ่มขึ้น 8.3% qoq (บันทึกเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ราว 300 ล้านบาทในงวดนี้)
ส่วน ธ.พ.ที่คาดว่ามีการลดลงของกำไรสุทธิงวด 3Q48 มากสุดได้แก่ TMB และ KBANK (ส่วนใหญ่เป็นผลจากการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่สูงขึ้น) และ BBL (เริ่มบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในงวดนี้)

ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำลงทุนด้วยน้ำหนักเท่ากับตลาด เนื่องจากคาดการณ์กำไรดังกล่าว อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ธ.พ.ได้มากนักโดยปัจจัยที่ยังมีน้ำหนักและกดดันผลการดำเนินงานของกลุ่มฯ ในปี 2549 คือ แนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-ฝาก
ฝ่ายวิจัยฯ จึงยังคงคำแนะนำการลงทุนเช่นเดิม คือ ให้น้ำหนักเท่ากับตลาดโดยเลือกหุ้นที่ยังเหลือ upside ที่เหมาะสม และมีการจ่ายปันผลตอบแทนในระดับที่สูงจูงใจ คือ KTB, SCB, BAY และ SCIB

**********************

ตารางแสดงผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/48 เทียบกับไตรมาส 2/48
แบงก์ โบรกเกอร์ คาดการณ์กำไร(ขาดทุน) / กำไร(ขาดทุน) /เพิ่มขึ้น(ลดลง)
Q3/48 (ลบ.) Q2/48 (ลบ.)
BAY บล.ไทยพาณิชย์ 1,856 1,483 25%
บล.กิมเอ็ง 4.1%
บล.เอเซีย พลัส 1,656 1,483 11.6%
***********************************************************
BBL บล.ไทยพาณิชย์ 4,573 5,574 (18%)
บล.กิมเอ็ง (19.2%)
บล.เอเซีย พลัส 5,063 5,574 (9.2%)
***********************************************************
BT บล.ไทยพาณิชย์ 163 134 22%
บล.เอเซีย พลัส 135 134 0.6%
***********************************************************
KBANK บล.ไทยพาณิชย์ 2,983 3,849 (22%)
บล.กิมเอ็ง (11.6%)
บล.เอเซีย พลัส 3,346 3,849 (13.1%)
***********************************************************
KTB บล.ไทยพาณิชย์ 3,877 3,301 17%
บล.เอเซีย พลัส 4,511 3,300 36.7
***********************************************************
SCB บล.เอเซีย พลัส 4,627 4,272 8.3%
***********************************************************
SCIB บล.ไทยพาณิชย์ 1,461 1,590 -8%
บล.เอเซีย พลัส 1,653 1,597 17.0%
***********************************************************
TMB บล.ไทยพาณิชย์ 1,655 2,051 (19%)
บล.เอเซีย พลัส 1,757 2,049 (14.3%)
***********************************************************

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 14/10/2005 @ 08:19:00 : re: แบงก์เฉา,คาด Q3/48 กำไรเตี้ยติดดิน
[b:6ca9327f39">อิอิ....KTB....ดีใจจัง....... .0005

ขอบคุณค่ะ[/color:6ca9327f39">[/b:6ca9327f39">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com