รมว.คลัง มั่นใจ ปตท. พร้อมลงทุนใน ทีพีไอ แน่ หาดได้รับอนุมัติให้เพิ่มกรรมการในบอร์ด ด้าน ประเสริฐ มั่นใจ 2 ปีหน้าทีพีไอกำไรโตก้าวกระโดดแน่ ถ้าปตท.เข้าไปลงทุน พร้อมยืนยันไม่แบกรับภาระต้นทุนค่าไฟของ กฟผ.

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการร่วมทุนใน บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ว่า หากศาลล้มละลายกลางอนุญาต ให้ ปตท. สามารถเรียกประชุมผู้ถือหุ้นหลังการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอได้ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากเป็นคำแนะนำของศาลฯที่จะให้กระทรวงการคลังเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ ดังนั้นศาลฯจะต้องมีทางออกให้กับเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งมองว่าหากศาลฯยอมให้ ปตท. จัดตั้งคณะกรรมการใน ทีพีไอ และเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้นั้น เชื่อว่าปตท. จะไม่ลังเลที่จะนำเงินมาร่วมทุนอย่างแน่นอน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ร่วมทุนจะไม่ร่วมทุนใน TPI หากเขามีความมั่นใจว่าความเสี่ยงจะอยู่ในจุดที่รับได้ ซึ่งผมคิดว่าเขาคงจะไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมทุนด้วยอย่างแน่นอน นายทนง กล่าว

ด้าน นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) กล่าวว่า หาก ปตท.ชำระเงินค่าหุ้นและเข้าไปถือหุ้น ทีพีไอ ก็จะเข้าไปบริหารจัดการโครงสร้างธุรกิจและเชื่อมโยงระบบงาน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเชื่อว่าภายใน 1-2 ปี ทีพีไอ จะมีกำไรที่ก้าวกระโดด นอกจากนี้ หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบตามคำร้องที่ผู้บริหารแผนเสนอขอแก้ไขข้อบังคับให้สามารถจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้งกรรมการได้ทันทีหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ทาง ปตท.ก็พร้อมที่จะใส่เงินค่าหุ้น

ส่วนแนวโน้มการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันหากราคาขายปลีกน้ำมันยังไม่สูงกว่าราคาขายหน้าโรงกลั่นมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งบริษัทเชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯจะอยู่ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เบนซินและดีเซลอยู่ที่ 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าปีนี้ค่าการตลาดจะอยู่ที่ระดับ 0.5-0.6 บาท/ลิตร หรือ 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 1-1.1 บาท/ลิตร เนื่องจากบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายปลีกน้ำมันได้ ขณะเดียวกัน บริษัทจะยื่นไฟลิ่งของโรงกลั่นระยองภายในเดือนธันวาคมนี้ และมั่นใจว่าจะเข้าตลาดหุ้นภายในไตรมาส 1/49 โดยมาร์เก็ตแคปส์ของโรงกลั่นระยองคงไม่ถึง 1 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างลงทุนก่อสร้างโรงกลั่นน้ำจืดในนิคมตะวันออก เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการผลิตของโรงกลั่นและปิโตรเคมี งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้า

นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการกำหนดค่าไฟของ กฟผ.ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ทางคณะกรรมการจะต้องปรับขึ้นค่าไฟเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าแก๊สที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท.จะไม่แบกรับภาระต้นทุนค่าไฟของ กฟผ.ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก ปตท.มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าไฟของ กฟผ.เพียง 0.71บาท/หน่วย จากค่าไฟทั้งหมด 2.7 บาท/หน่วย ซึ่งค่าใช้จ่ายของ กฟผ. 10% เป็นค่าผ่านท่อที่ ปตท.ดูแลโดยตรง ซึ่ง ปตท.ไม่ได้ปรับขึ้นค่าผ่านท่อมาเป็นระยะเวลา 4 ปี ส่วนที่เหลืออีก 90% เป็นค่าปากหลุมซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา:
กระแสหุ้นรายวัน