ตลาดฯเล่นบทโหดสั่งขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายหุ้น CEI เหตุผู้ตรวจสอบบัญชีไม่ลงความเห็นในงบการเงิน วงในแฉต้นตอผู้สอบบัญชีไม่ลงความเห็น หลังหวั่นอนาคตบริษัทอาจไปไม่รอด เหตุลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกออเดอร์ ทำให้ขาดทุนสุทธิ 373 ล้านบาท จากมีกำไร 244ล้านบาทเมื่อปีก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของหุ้นบริษัทคอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CEI เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง โดยตลาดหลักทรัพย์จะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทพร้อมกับขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันนี้ (3 ต.ค.) หรือจนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าวแจ้งต่อไป

ทั้งนี้เนื่องจาก CEI ได้แจ้งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2548 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ แต่ทางผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการได้ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินอีกครั้ง

แหล่งข่าวจากบมจ. คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) หรือ CEI ผู้ผลิตและจำหน่ายพัดลมติดเพดาน และโคมไฟ กล่าวถึงสาเหตุที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัท ว่า เนื่องจากไม่มั่นใจในความอยู่รอดของ CEI หลังจากที่กลุ่มฮันเตอร์ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 90% ของยอดคำสั่งซื้อทั้งหมด ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า หลังจาก CEI ไม่ปฏิบัติทำตามสัญญาซื้อขายพัดลมติดเพดาน ส่งผลให้งบการเงินของบริษัทงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม ขาดทุนสุทธิ 373.37 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 244.60 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ตรวจสอบบัญชีจะไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับงบการเงินหากไม่แน่ใจหรือไม่มีความชัดเจนของบริษัทในอนาคตว่าจะเป็นไปอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นเรายังหาลูกค้ารายใหม่ ที่จะมาทดแทนกลุ่มฮันเตอร์ที่ยกเลิกออเดอร์ไปได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าต่อจากนี้ไปทางผู้บริหารอาจปรับเปลี่ยนนโยบายจากการที่ต้องพึ่งพาลูกค้าแต่เพียงรายเดียว เป็นการกระจายคำสั่งซื้อไปยังกลุ่มลูกค้ารายอื่นๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแหล่งข่าวคนเดิมกล่าว

สำหรับสัดส่วนของยอดขายในปัจจุบันนั้น แบ่งเป็นตลาดในประเทศประมาณ 50% และอีก 50% ส่งออก เช่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ภายใต้แบรนด์ คอมพาสส์อีสต์ นอกจากนี้ยังมีแผนจะเข้าไปเจาะตลาดในแถบตะวันออกกลาง เช่น ดูไบอินเดีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ตามที่นางหลี่ กุ้ย ฟ่ง กรรมการ บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CEI ได้แจ้งงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31กรกฎาคม 2548 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 373.4 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 244.6 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากในปีนี้รายได้รวมลดลง 1,465.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44.99 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้เนื่องจากยอดขายสุทธิลดลง 1,440.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.23 เนื่องจากปริมาณการขายลดลง เพราะลูกค้ารายใหญ่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการแข็งตัวของค่าเงินบาท รวมถึงต้นทุนการบริหารเพิ่มขึ้นกว่า 134.81 ล้านบาท

ที่มา:
ข่าวหุ้น

ดอยแต่เช้า หนีกันไม่ทันเรย น่าเห็นใจ ทุกท่าน คับ

ในอดีตเคยเจ็บปวดกับหุ้นตัวนี้มาเเล้ว. .0002 .ชาตินี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย...เห็นใจทุกท่านครับผู้ร่วมชะตากรรม ฟฟฟฟ1 ฟฟฟฟ1 ฟฟฟฟ1

มี ราคา 3.96 จะตัดใจขายหรือถือคับ