ปตท. ประกาศขึ้นน้ำมันทุกประเภทมีผลวันเสาร์นี้ พร้อมยืนยันธุรกิจค้าปลีกน้ำมันไม่ได้ทำให้ ปตท.มีกำไร ขณะเดียวกันได้กำหนดรายละเอียดรับซื้อหุ้นจากผู้ค้านควบ NPC - TOCในราคา 115 บาท และ59.50 บาท ด้าน ผู้บริหาร บางจากฯ เชื่อสถานการณ์ราคาน้ำในตลาดโลกยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยอมรับว่า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้การค้าปลีกน้ำมันอยู่ในภาวะขาดทุน แต่ ปตท. ได้ดำเนินการตามนโยบาย รัฐบาล คือ จะปรับขึ้นราคาน้ำมันสัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชน ดังนั้น ปตท.จะประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม และมีผลในวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคมนี้ แต่จะปรับในอัตราเท่าใดจะต้องรอดูราคาน้ำมันในภาพรวมก่อน แต่ขอยืนยันว่ากลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่น ในไตรมาสที่ 2 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 4,482 ล้านบาท ไม่ได้เกิดจากการค้าปลีกน้ำมันแล้วมีกำไรแต่อย่างใด และธุรกิจน้ำมันมีกำไรเพียงร้อยละ 4 ของกำไรสุทธิของ ปตท. 18,355 ล้านบาท เพราะตั้งแต่ลอยตัวราคาน้ำมันอย่างสมบูรณ์ การค้าปลีกน้ำมันอยู่ในภาวะขาดทุนตลอด ล่าสุดได้ค่าการตลาดรวมทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 65 สตางค์ต่อลิตร จากอัตราปกติควรจะได้ที่ 1.2 บาทต่อลิตร โดยกำไรธุรกิจน้ำมันที่ได้นั้น เกิดจากการค้าน้ำมันตลาดพาณิชย์ ตลาดอุตสาหกรรม ตลาดราชการ รัฐวิสาหกิจ และตลาดน้ำมันระหว่างประเทศที่มีฐานอยู่ในประเทศสิงคโปร์และฟิลิปปินส์

ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นไปอีก แม้ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส จะลดลง 59 เซนต์ ปิดตลาดที่ 66.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 57.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบลดลง เพราะมีการเทขายทำกำไรของบรรดากองทุนต่างๆ เพราะราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส พุ่งเฉียด 68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ระหว่างการซื้อขาย

ทั้งนี้ เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะมีความไม่แน่นอนในเรื่องปัญหาความไม่สงบ โดยเฉพาะกรณีอิหร่านประกาศเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ และล่าสุดประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐระบุว่า อาจใช้กำลังทหารในประเทศอิหร่าน ซึ่งอิหร่านเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอาจเกิดความไม่สงบในซาอุดิอาระเบียผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ปัญหาของเวเนซูเอลา ที่ระบุว่าอาจงดส่งน้ำมันไปสหรัฐ หากสหรัฐยังเข้าไปแทรกแซงทางการเมืองในเวเนซูเอลา ทำให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดค่อนข้างมาก ขณะที่ความต้องการน้ำมันไม่ได้ลดลงมากนัก นอกจากนี้ ผู้ใช้น้ำมันได้ออกมาซื้อน้ำมันดิบล่วงหน้า เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูหนาว จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะปรับขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทได้แจ้งไปยังบริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NPC และบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOC ยืนยันความจำนงที่จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น NPC และ TOC ที่คัดค้านการควบบริษัท โดยจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัท NPC 2,800 หุ้น และ TOC 24,229,135 หุ้น ซึ่งราคารับซื้อหุ้น NPC อยู่ที่ 115 บาทต่อหุ้น และหุ้น TOC 59.50 บาทต่อหุ้น ตัวแทนในการรับซื้อหุ้น ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันซ่า จำกัด กำหนดระยะเวลาการรับซื้อ ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม-7 กันยายน 2548 และชำระเงินค่าซื้อหุ้นภายในวันที่ 13 กันยายน 2548 โดยผู้ขายหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินกำไรที่ได้รับจากการขายหุ้น

ที่มา:
กระแสหุ้นรายวัน

[b:e32818ae4b">ขอบคุณค่ะ......คุณ p_yui.

ตอนนี้ต้องช่วยกันประหยัดลูกเดียวค่ะ..... .000c [/color:e32818ae4b">[/b:e32818ae4b">