STAR เทรดวันแรกต่ำจองปิดแค่ 3.20 บาท จากราคา 3.50 บาท สมชัยไม่กังวลแม้ราคาหุ้นร่วง เชื่อเกิดจากสภาพตลาดโดยรวม มั่นใจพื้นฐานดีนักลงทุนสนใจ ส่วนโบรกระบุ แม้จะเข้าเทรดวันแรกไม่จำเป็นว่าราคาต้องเหนือจองเสมอไป ขณะที่บล.ยูไนเต็ดเชื่ออนาคตธุรกิจมีแนวโน้มสดใส แนะลงทุนโดยมีราคาเป้าหมาย 3.90 บาทต่อหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(15 ก.ย.)หุ้นบริษัท สตาร์ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรกโดยราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 3.80 บาท จากนั้นได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดแตะที่ระดับ 4.14 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.16 บาทปิดตลาดที่ระดับ 3.20 บาทโดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 486.20 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้น STAR ปรับตัวลดลง 0.30 บาท จากราคาจองที่ 3.50 บาท

นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท สตาร์ซานิทารีแวร์ จำกัด(มหาชน) หรือ STAR เปิดเผยกับ ข่าวหุ้นธุรกิจ ว่า ไม่กังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง เพราะเชื่อว่าเกิดจากสภาวะตลาดโดยรวม ประกอบกับข่าวการห้ามเน็ต-มาร์จิ้น ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาหุ้น STAR จะต่ำกว่าราคาจอง แต่เชื่อว่านักลงทุนให้ความสนใจมาก ซึ่งจะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 486.20 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า หุ้นที่เข้าซื้อขายวันแรกไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงกว่าราคาจอง ในส่วนของหุ้น STAR นั้น มองว่ามีมูลค่าการซื้อขายมากแม้ว่าราคาจะต่ำกว่าจองก็ตาม แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงมีแนวโน้มดี

ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) ระบุว่าตลาดเครื่องสุขภัณฑ์เป็นตลาดที่มีผู้ผลิตน้อยราย การเข้ามาทำธุรกิจของผู้ผลิตรายใหม่ในอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ทำได้ยาก เนื่องจากกระบวนการผลิตต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะและความชำนาญระดับสูง ซึ่งกว่าจะฝึกอบรมให้ทำงานได้ต้องใช้เวลา โดยความชำนาญจะมีผลต่อคุณภาพสินค้าด้วย

STAR ตั้งเป้าปี 48 ยอดขายโต 10%-15% ซึ่งในไตรมาส 1/2548 มียอดขาย 82ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้คาดว่ามีแนวโน้มที่จะสามารถทำยอดขายตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ได้

นอกจากนั้น STAR เริ่มเจาะตลาดภายในประเทศเพื่อเติบโตตามการลงทุนของภาครัฐ จากเดิม STAR มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 70% ในประเทศ 30% ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นทำการตลาดในประเทศมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ในประเทศยังมีแนวโน้มดี เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้ดี แม้มีบางส่วนจะมีการชะลอตัวไปบ้าง อาทิ บ้านและคอนโดที่มีราคาระดับสูง เป็นต้น ประกอบกับ ภาครัฐยังมีโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้า ทำให้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในไตรมาส 1/2548 STAR มีอัตรากำไรขั้นต้น 49% และเมื่อพิจารณาย้อนหลังพบว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2547 เนื่องจาก STAR สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีสัดส่วนการขายต่างประเทศมากกว่าในประเทศ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นในต่างประเทศดีกว่าในประเทศ และสามารถเข้าถึงลูกค้าในต่างประเทศได้หลากหลาย ไม่มีกรอบจำกัดเหมือนบางบริษัท

อย่างไรก็ตามปีนี้ STAR ได้เริ่มจะเข้ามาทำตลาดในประเทศ ทำให้มีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นลดลง แต่รายได้ และกำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน

โดยประเมินราคาเป้าหมายเบื้องต้นของ STAR อยู่ที่ 3.87-4.3 บาทต่อหุ้น ในเบื้องต้นมองว่าศักยภาพของ STAR อยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานสากลและมีตลาดส่งออกรองรับ แต่ในระยะสั้นการเติบโตน่ากังวลกับการแข่งขันภายในประเทศซึ่งมีคู่แข่ง 8 ราย โดยมีกำลังการผลิตรวม 1.6 แสนตันต่อปี ซึ่ง STAR อยู่อันดับที่ 4 มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 7-8% ดังนั้นราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.9 บาท มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 11% จากราคาจอง 3.5 บาท จึงคงเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับที่จะลงทุน และทยอยขายหากราคาหุ้นปรับขึ้นถึงราคาเป้าหมาย

ที่มา ข่าวหุ้น

star คือ ส้วมซึม อืมมมมมมมมม์ .0008 .0008 .0008

.000A โถ... นึกว่าส้วม MCOT

ปกติไม่มีใครเข้าส้วมนานหรอก...ถ่..ยแล้วก็รีบหนีไปสบายใจดี .0008 .0008 .0008

ขอฝากไอทีไว้ในอ้อมใจพี่น้องด้วยนะครับ ลูกรับของผมกำลังไปได้ดี
.0008 555 666 777 888 999