April 24, 2024   2:30:30 PM ICT
4...ถอยห่างออกมามองภาพตลาดรวมก่อนค่อยเจาะลึก
ก่อนลงมือจริง ต้องศึกษาตลาดก่อน   การมองตลาดควรเริ่มจาการมองภาพรวม ดูศักยภาพตลาด ดูสภาวะตลาด อ่านความคิดศึกษาระบบวิธีการ กติกา ข้อห้าม รวมทั้งรายภาครวมขอบรอบนอกตลาดให้เข้าใจก่อน  จากนั้นค่อยแกะรายละเอียด เจาะลึกเป็นเรื่อง ๆ  แล้วมาสรุปวิธีการลงมือ ก็จะค่อย ๆ อ่านเกม และวางกลยุทธการเล่นหุ้นได้ง่ายขึ้น จะขอยกตัวอย่างภาพรวมตลาดหุ้นโดยคร่าว ๆ พอสังเขปดังนี้
1..ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ 30 กว่าปี เท่านั้นเมื่อเทียบกับตลาดใหญ่ทั่วโลก ที่เกิดมา 200  ปีบ้าง 100 ปีบ้าง หรือ 70-80ปี
2..มูลค่าซื้อขายมากสุด 7- 8 หมื่นล้านบาทเมื่อตลาดเข้าสู่กระแสร้อนแรงจัด ๆ   และเพียง 1 พันกว่าล้านบาทเมื่อตลาดถดถอยซึมลง
3..ดัชนีสูงสุด 1700 กว่าจุด แต่เริ่มต้นแรกจาก 100 จุด  การขึ้นลงของดัชนี สามารถวิ่งจาก 7-800 จุด ไป 1700 ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปี  แต่การซึมลงจาก 1700 ลงมาที่ 200เศษ ก็ใช้เวลานานกว่า
4..จำนวนหุ้นจดทะเบียนปัจจุบัน ประมาณ 500 ตัวรวม options ต่าง ๆ  แต่ว่ามีโอกาสเล่นครบทั้งหมด 500 กว่าตัว(ไม่มีปรากฎ)
5.. ฯลฯ
ผมยกตัวอย่างการมองตลาดภาพรวมให้ดูคร่าว ๆ เท่านั้น  จากการดูภาพรวม จะสามารถไปเก็บสถิติ เพื่อเจาะลึกลงไปได้อีก  ตัวอย่างเช่น
จากข้อ 2 หากเก็บสถิติแล้วหาค่าเฉลี่ย จะพบว่า เวลาตลาดร้อนแรงหุ้นหนึ่งตัวจะเล่นด้วยเงินประมาณ 175 -200 ล้านบาท  แต่เมื่อตลาดซบเซา หุ้นหนึ่งตัวจะเล่นด้วยเงิน 6 - 7 ล้านบาทโดยเฉลี่ย  ถ้าเก็บเป็นรายละเอียดจะพบว่า เวลาตลาดร้อนแรง การเกลี่ยเงินเล่นกับหุ้นทุกตัวจะไล่เรี่ยเกือบเป็นเส้นโค้งยาวแนวนอน ซึ่งผิดกับตลาดซบเซา การเล่นจะกระจุกกับหุ้นเพียงไม่กี่ตัว นอกนั้นแทบไม่มีวอลุ่มเลย เป็นรูปเส้นโค้งแนวตั้งชันมาก  เป็นต้น

เมื่อเรามองภาพตลาดได้ชัดขึ้น  และอ่านศักยภาพของหุ้นได้ดีขึ้น  การลงมือเล่นหุ้นและการเก็งกำไรจะใกล้ความจริงขึ้น  มิเช่นนั้นก็จะเข้าสู่การทำนายแบบโยนหัวโยนก้อย นั่นคือการพนันโดยแทง (ขอเสริมท่านที่ออกความเห็นมาว่า การเล่นหวยคือการลงทุนได้ด้วยหรือ  ขอตอบในที่นี้ว่า มีคนทำให้เป็นการลงทุนได้ แต่เป็นสิ่งที่ท้าทายกว่าการเล่นหุ้นมาก  ไม่โลภ อัตราเสี่ยงคงที่ อาศัยสถิติ กำไรน้อยแต่เหนือกว่าการพนัน นั่นคือเมื่อรวมเป็นสถิติมากครั้งต้องมีผลเป็นกำไรมากว่ามีผลทางขาดทุน  แต่จะไม่ขอกล่าวถึงวิธีการ ณ ที่นี้ เพียงแค่เสนอมาให้รู้ว่า การสถิติช่วยให้วางแผนลดความเสี่ยงได้มาก เท่านั้นก่อน) กลับมาเรื่องการมองตลาดตามหัวข้อ   เมื่อเรามองตลาดได้ชัดขึ้น และมีสถิติในมือ เราจะรู้ว่า หุ้นทั้งตลาด จะวิ่งขึ้นลงเฉลี่ยวันละกี่ช่องราคา ในจำนวนหุ้นกี่ตัว  เราเริ่มวางแผนลงในโปรแกรมได้บ้าง  เมื่อรู้สถิติเจาะลึก จะทำให้เราไม่โลภเกินจริง ดั่งเช่นบางท่านที่ชอบตั้งซื้อราคาต่ำ ๆ เกินจริงในแต่ละวัน ซึ่งพอวันรุ่งขึ้นก็ตั้งซื้อต่ำลงไปอีกเมื่อราคาปิดต่ำลงจากวันก่อน  อย่างนี้จะไม่มีทางซื้อหุ้นได้เลย  เสียเวลาและทำให้จิตใจไม่มั่นคงทางคิดลงทุนและทางคิดเล่นเก็งกำไร  การที่เรามองตลาดได้ จะทำให้เราสามารถเข้าไปศึกษาเครื่องมือช่วยอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่นใช้กราฟอะไรอ่านหุ้นตัวไหนได้แม่นยำ(เรื่องนี้ต้องอธิบายอีกมาก ในโอกาสต่อไป) การมองภาพตลาดรวมออก จะทำให้จิตใจนิ่ง เสมือนว่าพอคาดคะเนออกว่าตลาดจะไปไหนได้ ก็คงเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมี และศักยภาพของตลาดจะแค่เท่านั้น    ส่วนการดูเจาะลึก จะทำให้ช่วยการวางแผนเล่นง่ายขึ้น รู้ประมาณว่า แค่ไหนน่าขาย แค่ไหนน่าซื้อ  ช่วยให้ลดความเสี่ยงได้ และมีความแน่วแน่ของจิตใจดีกว่า(ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อการตั้งคำสั่งซื้อขายและการถอนคำสั่ง  ทำให้การต่อคิวเสียหาย ทำให้เสียโอกาสได้ ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธการเล่นด้วย)

ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nowya&month=21-03-2010&group=1&gblog=4
เข้าชม: 2,364

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com