EGCO (Electricity Generating PCL.) Sector : Energy
คำแนะนำ : ซื้อลงทุน Fair Value (Bt) : 127.00 Closed Price (Bt) : 98.50 Up-side Gain : 28.93% Dividend Yield 50F : 5.33%
ผลประกอบการปี 2550 เติบโตแข็งแกร่งตามคาด โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%yoy มาจากการการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการสำคัญ 2 โครงการได้แก่ BLCP และ KK2#1 อย่างไรก็ตามเรามองว่าในปี 2551 ผลประกอบการยังมีทิศทางของการเติบโตอยู่จาก ประเด็นกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น จากการเริ่มดำเนินการของโครงการ KK2#2 ทำให้เราคาดว่ากำไร สุทธิปี 2551 จะอยู่ที่ 9,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%yoy ด้านเงินปันผล H2/50 คาดว่าจะจ่ายได้ถึง 3 บาท (Div. Yld. 3.05%) ตามทิศทางของผลประกอบการ รวมทั้งกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง EGCO ยังมี ความน่าสนใจในการลงทุน โดยเฉพาะจากประเด็นผลประกอบการ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล เรายงคงแนะนำ ซื้อลงทุน ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมที่ 127 บาท
ยังมีการเติบโตต่อเนื่องจากของผลประกอบการ จากกำลังการผลิตใหม่ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 3,509 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการลงทุน ขณะที่ในปี 2551 จะมีกำลังการผลิตใหม่จากโครงการแก่งคอย 2 หน่วยที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 734 เกมะวัตต์ โดยบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วน 50% เป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่มที่เข้ามาหนุนผลประกอบการในปี 2551 ขณะที่ในปี 2552 จะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการน้ำเทิน 2 ในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,200 - 1,300 เมกะวัตต์ โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 25% คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตใน ธ.ค. 52 ซึ่งจะส่งต่อผล ประกอบการชัดเจนในปี 2553 นอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศหลายโครงการ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการในอนาคต โดยเรามองว่าโครงการที่เป็นจุดสำคัญของบริษัทได้แก่ โครงการน้ำอู ในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ (ยังสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ได้อีกในอนาคต) และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน เกาะกง ขนาดกำลังการผลิต 3,660 เมกะวัตต์ (ยัง ขยายกำลังการผลิตเพิ่มได้อีก 1,800 เมกะวัตต์) ปัจจุบันทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็น ไปได้ในการพัฒนาโครงการดังกล่าว แม้จะพลาดการประมูล IPP ในรอบที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการเติบโตของบริษัท โดย บริษัทยังมีนโยบายในการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขายไฟฟ้ากลับประเทศตามแนวโน้มด้าน พลังงานของประเทศ รวมทั้งการจะเข้าประมูลโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ที่คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากตามการเติบ โตของเศรษฐกิจในประเทศ
ประเด็นการต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนอม และโรงไฟฟ้าระยอง อยู่ระหว่างการเจรจากับ EGAT บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับทาง EGAT ในโรงไฟฟ้าขนอม และระยองที่กำลังจะหมดสัญญาใน ปี 2554 และ 2557 ตามลำดับ คาดว่าบริษัทจะขอเจรจาในการยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขน อมก่อนกำหนด โดยบริษัทจะเป็นผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ขนาดกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์ ขณะที่โรง ไฟฟ้าระยอง บริษัทมีแนวโน้มที่จะขอต่อสัญญาไปอีก 10 ปี หากการเจรจาประสบความสำเร็จ เรามองว่า เป็นการชดเชยความผิดหวังจากการพลาดการประมูลโรงไฟฟ้าในรอบที่ผ่านมา
คาดเงินปันผล H2/50 อยู่ที่ 3 บาท Div. Yld. 3.05% จากผลประกอบการที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2550 ที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่าบริษัทจะจ่ายปันผล ในอัตราที่สูงได้ถึง 5.25 บาท และเพิ่มขึ้นเป็น 5.50 บาทในปี 2551 ซึ่งจะทำให้เงินปันผลสำหรับผล ประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2550 อยู่ที่ 3 บาท ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.05%
ประเด็นการลงทุนอยู่ที่ 1. ผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2551 - 2552 ใน โครงการแก่งคอย 2 หน่วยที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 734 เมกะวัตต์ และโครงการน้ำเทิน 2 ในประเทศ ลาว ขนาดกำลังการผลิต 920 เมกะวัตต์ 2. เงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2550 ที่คาดว่าจะจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 3 บาท ให้อัตราผลตอบแทน จากเงินปันผลถึง 3.05% 3. โครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศจะหนุนผลประกอบการในระยะยาว โดนเฉพาะจาก โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการน้ำอู ในประเทศลาว และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โครงการเกาะ กง ในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2557 และ 2559 ตามลำดับ 4. โอกาสในการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าและขยายการลงทุนในต่างประเทศ รองรับนโยบาย พลังงานของประเทศในการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม
กระแสเงินสดที่แน่นอนจากการดำเนินงานธุรกิจโรงไฟฟ้า รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการที่เติบ โตโดดเด่น + กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำให้เราเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ การขยายงานในอนาคต รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยเรามองว่าการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจะ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าเงินปันผลในปี 2551 จะอยู่ที่ 5.50 บาท Div. Yld. 5.58% ทำให้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน ด้วยราคาเป้าหมายปี 2551 ที่ 127 บาท (Upside Gain 29%)
บล.เกียรตินาคิน |